อย่างไรก็ดีการทดลอง "ความลับของสีดำ" สามารถเรียนรู้ได้จากกิจกรรมในบันทึกนี้ ซึ่งมีข้อดีคือ บูรณาการกับงานศิลปะ และสุนทรียะจากธรรมชาติ (ดอกไม้...ต้องใช้จินตนาการ..ฮา) ได้อย่างลงตัวยิ่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่ยังเด็กๆ
องค์ความรู้เป้าหมาย ที่อยากให้เด็กๆ รู้ได้ด้วยตนเองคือ "สีหลายๆ สีรวมกันจะกลายเป็นสีดำ" หรือ "สีดำนั้น ทำมาจากสีหลายสี" แต่พิสูจน์ด้วยวิธีเบื้องต้น "โครมาโตกราฟฟี่"
ความรู้ที่ครูไม่จำเป็นต้องบอกเด็กอนุบาล
เราจะจำไว้เสมอว่า เป้าหมายสำคัญคือ "ความสนุกและความสุขในการเรียน" โดยมีข้อแม้ว่าต้องเป็นความสุขจากการเรียนรู้ ดังนั้เราต้องไม่ยัดเยียดความรู้ที่แม้แต่ครูก็ "ไม่ชอบ" และตอบไม่ได้ด้วยว่าเด็กๆ จะได้พบเห็นได้ในชีวิตประจำวันอย่างไร.... ผมคิดว่าหนึ่งในองค์ความรู้ที่ครูไม่ต้องสอนคือคำว่า "โครมาโตกราฟฟี่"
โครมาโตกราฟฟี่ Chromatography (คำว่าโครมา (Chroma) หมายถึงสี เห็นสี ส่วนคำว่ากราฟ (graphy) ก็คือสีที่มีความหมายหรือ "ภาพ" ดังนั้นคำว่า Chroma-to-Graphy ก็คือวิธีแยกสีออกเป็นภาพที่มีความหมายนั่นเอง ... โดยมีความจริงของธรรมชาติต่อไปนี้ซ่อนอยู่หากครูใช้วิธีแยกด้วยกระดาษกรอง
- สารต่างชนิดกันจะละลายได้ดีไม่เท่ากัน
- สารต่างชนิดกันจะถูกดูดซับได้ดีไม่เท่ากัน
การทดลองเรื่อง "ความลับของสีดำ"
อุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทดลองนี้ หาซื้อได้ที่ร้านเครื่องเขียนทั่วไป อย่างน้อยต้องมี สีหรือปากกาสีซึ่งต้องดูให้ดีว่า เป็นสีน้ำหรือสีที่ละลายในน้ำ และอีกอย่างหนึ่งคือกระดาษกรอง สามารถเลือกใช้สีน้ำหรือปากกามาใช้ในการทดลอง
หากครูมีสีน้ำอยู่แล้ว (ความจริงไปขอมาจากครูสอนศิลปะได้) ไม่ต้องไปซื้อปากกาใดๆ ให้สิ้นเปลือง ให้เอาสีหลายๆ สีผสมกันจะได้สีดำ แล้วนำสีดำนั้นไปเขียนลงบนกระดาษกรอง แต่หากมีปากกาสีสีดำที่ทำมาจากสีละลายน้ำ (โปรดทดลองดูก่อน) เด็กๆ ก็จะไม่เลอะเปรอะเสื้อผ้า วิธีการก็คล้ายกัน เอาไปเขียนลงบนกระดาษกรอง แล้วเริ่มทำการทดลองตามคลิปของครูพิษณุพงศ์ที่นี่ ท่านทำไว้ดี เข้าใจทีเดียวครับ
(ที่มา: https://www.youtube.com/watch?feature=player_detailpage&v=ljvjaP5-Zrc)
การทดลองนี้ไม่ควรใช้วิธี "สาธิต" แต่ควรใช้วิธี "พาทำ" ที่ละขั้นตอน แต่ต้อง "ตั้งคำถาม"
หลักสำคัญของการทำกิจกรรมบ้านวิทยาศาสตร์น้อย คือ เราต้องเริ่มด้วยการตั้งคำถาม เพื่อกระตุ้นความสงสัย เพราะความสงสัยเกิดขึ้นเมื่อเด็กๆ อยากรู้ ความอยากรู้จะนำไปสู่การหาคำตอบ ซึ่งถ้าเด็กๆ ชอบ องค์ความรู้นั้นจะอยู่กับเด็กได้นานกว่า
- เห็นอะไร , สีอะไรบ้าง, มีกี่สี, สีใดอยู่ข้างใน สีใดอยู่ขอบ...ฯลฯ (คำถามกระตุ้นความสนใจให้ได้ฝึกสังเกต) ... อย่าลืมว่า ต้องให้เด็กๆ ทุกคนได้ลองอธิบาย (เช่น ให้บอกเพื่อน เล่าให้เพื่อนอีกลุ่มหนึ่งฟัง ฯลฯ)
- เปลี่ยนจากเดิมอย่างไร เปลี่ยนเร็วไหม ใครเร็วกว่า ... (ถามให้สังเกตกระบวนการ การเปลี่ยนแปลงตามเวลา).. คำถามนี้ใช้พัฒนาการคิดโดยตรง...ดังนั้นครูต้องไม่ลืมถาม ต้องถามบ่อยๆ ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ
เนื่องจากการทดลองนี้ต้องใช้เวลาในการรอคอย และเป็นการทดลองที่ไม่ซับซ้อน เด็กๆ สามารถทำได้ไม่ยาก ดังนั้นครูไม่ควรใช้วิธีการ "สาธิต" เพราะเมื่อรู้คำตอบก่อน กิจกรรมการสอนอาจจะกร่อยไป .. เว้นแต่ครูใช้วิธีนี้เป็นการสร้างงานศิลปะ
(ขอจบห้วนๆ เท่านี้นะครับ)




ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น