เราไปถึงตรงเวลาพอดี และเรามีเวลาเพียง ๒ ชั่วโมง เพื่อทำให้เด็กๆ เข้าใจว่า "จิตตปัญญา" จะไปพัฒนา "บุคคลิก" ของพวกเขาได้อย่างไร ....หลังกิจกรรม ผมทำให้นักเรียนทุกคน ปรากฎผลว่า เราประสบผลสำเร็จอย่างยิ่งครับ ต้องบันทึกไว้เผื่อจะมีประโยชน์ สำหรับเพื่อนกระบวนกร ดังนี้ครับ
ขั้นที่ ๑ กระตุ้นแบบกระตุก ให้ "ฉุกใจคิด" "สงสัย" เพื่อเปิดใจให้เรียนรู้
สัมผัสบรรยากาศแรกต่อหน้านักเรียนเกือบ ๑๕๐ คน ผมประเมินได้ว่า นักเรียนที่นี่ "สมาธิดี ใฝ่เรียน" เหมือนจะตั้งใจตั้งหน้าเพื่อมาฟังมารับเอาเทคนิคดีๆ ที่จะนำไปใช้ในการเรียนในการสอบ .... นั่นเป็นความคาดหวังที่เป็น "กำแพง" ที่ต้อง "พัง" ลงก่อนอันดับแรก .....
วิธีของผมคือการ "กระตุก" ด้วยคำถามสู่ความจริงที่นักเรียนไม่เคยรู้ เพื่อกระตุ้นให้สงสัยและตรวจสอบกับ "ใจ" และ "จิต" ของตนเอง เช่น
- ...เมื่อตะกี้นี้ได้ยินเสียงแอร์ไหมครับ...... ขณะฟังเสียงแอร์เมื่อตะกี้นี้ รู้สึกว่ากำลังหายใจไหมครับ...... ความจริงคือ "จิตใจ" ของเรา "รับรู้" หรือทำอะไรๆ ได้ทีละอย่างเท่านั้น .... อันนี้ทุกคนต้องยอมรับ ....... (ถามย้ำว่าเห็นด้วยหรือไม่ หากส่วนใหญ่ยังส่งสายตาไม่เข้าใจ อาจต้องให้ทำกิจกรรมตัวอย่างอีก..)
- ...มนุษย์ใช้รับรู้ ใช้อะไรฟัง?... เด็กๆ ตอบทันทีว่า ใช้หูฟัง (เก่งมาก...มีใครใช้ตาฟังไหมครับ...ฮา) ... แล้วทำไมตอนฟังอาจาาย์พูด ถึงไม่ได้ยินเสียงแอร์ล่ะ ... หรือตอนที่กำลังฟังเสียงแอร์ ไม่รู้สึกว่ากำลังหายใจล่ะ.... หรือหูเลือกรับบางเสียง....ความจริงคือ เราใช้ "ใจ" ฟัง ใช้ใจรับรู้ โดยใช้ ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย เป็นเครื่องมือ.. รวมทั้งใช้ "จิตใจ" คิดโดยใช้สมองเป็นเครื่องมือ....สรุปคือ "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จได้ด้วยใจ"
- ...เคยไหมที่ เวลาเราเจอเพื่อน หรือใคร ทำอะไรดีๆ เข้าท่าๆ เราก็คิดว่า เราก็น่าจะทำได้ แต่พอมาทำกลับทำไม่ได้ ....ความจริงคือ การทำงานของสมองส่วนที่รับรู้ เป็นคนละส่วนกับที่ใช้ในการทำหรือสื่อสารสู่ผู้อื่นๆ....ดังนั้น เคล็ดลับสำคัญในการเรียนรู้คือ เรียนให้เป็น "วงจร" ที่มี "อินพุต- เอาท์พุต" รับเข้า-ส่งออก เสมอ ...
- ฯลฯ
เมื่อยอมรับในเบื้องต้นว่า "ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน" การเรียนรู้เกิดที่ใจ เก็บไว้ในใจ โดยใช้สมองและอวัยวะต่างๆ หรือร่างกายเป็นเครื่องมือ สิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการออกแบบการเรียนการสอนคือการ "เตรียมใจ" ให้พร้อม ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ "มีสติ" "มีสมาธิ" และ "ว่าง" อันหลังสุดภาษาทั่วไปเรียกว่า "ผ่อนคลาย" ศาสตร์ทางจิตตปัญญาบอกว่า คนจะเรียนรู้ได้ดีเมื่อผ่อนคลาย.... วิธีของผมที่เอามาใชในระยะเวลาอันจำกัดนี้คือ กิจกรรม Scan Body
สำหรับผมแล้วการทำกิจกรรม Scan Body เป็นการ "พาใจ" มาอยู่กับตัว วิธีการไม่ตายตัวยึดติด อาจจะทำแบบ "ดังตฤณ" ที่ผมจำมาปรับใช้คือ เริ่มจากปลายเท้าไล่าขึ้นสู่หัว ข้ามกระหม่อม มาหน้าผาก หัวคิ้ว ปลายจมูก และอยู่กับลม... หลักคือ ให้ทำจากเร็วไปช้า จากหยาบไปละเอียด เพื่อผ่อนเครียดให้คลาย เป็นอันใช้ได้
ขั้นที่ ๓ กิจกรรมต่างๆ ให้ทำแล้วนำสะท้อนก่อนสรุป เพื่อให้ได้เรียนรู้วิธีการเรียนรู้ของใจตนเอง
เราใช้กิจกรรมหลายครับ เริ่มตั้งแต่ กิจกรรมส่งสารผ่านมือ ที่ผมชอบใช้ประจำ และได้ผลทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันครับ เด็กๆ ชอบและสนุกทีเดียว ... คำถามสำหรับการ "สะท้อนผล" ที่ผมชอบใช้คือ หากนักเรียนนำกิจกรรมนี้ไปใช้กับรุ่นน้อง พวกเขาจะสอนอะไรน้อง ได้บ้าง....
- ให้นักเรียนนั่งล้อมเป็นวงกลม มือประสานกันให้ครบบรรจบวงไม่ขาดตอน
- กำหนดให้นักเรียนคนหนึ่งเป็นคนเริ่มส่งสัญญาณไปยังเมือซ้าย ผู้รับสัญญาณจากมือขวา ทันทีที่ได้สัญญาณมา ให้ส่งต่อให้เพื่อนด้วยมือซ้ายทันที
- สัญญาณแรกๆ ที่เราส่งคือการบีบมือง่ายๆ แต่ไม่ใช่ง่ายเลยที่จะส่งไปได้สำเร็จ โดยเฉพาะวงใหญ่ขนาดเกือบร้อยแบบนี้....
- กิจกรรมเดินตามใจ จับคู่คนใกล้ แล้วให้เผยคำตอบ ๒ แบบ ได้แก่ ตอบทันทีที่ถาม คิดก่อนแล้วค่อยตอบ เพื่อให้นักเรียนได้เห็นว่าตนเอง มีคำตอบโดยอัตโนมัติ เหมือนไม่ได้คิด และรู้ว่าตนเองกำลังคิดสำหรับคำตอบหลัง
- อีกกิจกรรมหนึ่งคือการสอนให้รู้จักทฤษฎี "กดปุ่ม" (ผมเคยเขียนไว้ที่นี่ครับ) โดยใช้กิจกรรม "ตีมือดูใจ" ที่ให้นักเรียนจับคู่ตีมือสลับกันไปมา ๓ ขั้นตอน คือ ตีโต้กลับกันทันที ขั้นตอนแรกนี้ตีกันไปมา สนุกสนาน ต่อมาให้พยายามตีกลับด้วยน้ำหนักที่โดนเพื่อนตี และขั้นสุดท้าย ให้ฝ่ายหนึ่งตีเต็มแรง ฝ่ายถูกตีไม่โต้กลับ แต่ให้สังเกตความรู้สึกของตน หลังจากหายเจ็บ หายแค้นแล้ว ให้ค่อยๆ ยื่นมือไปจับแขนเพื่อนเบาๆ แล้วบอกว่า "..ไม่เป็นไรเพื่อน เราให้อภัย".....เสียงฮาดังทั่วห้องทีเดียวครับ .....
- ทุกกิจกรรม สำคัญว่า ต้องให้นักเรียนได้สะท้อนว่า ได้เรียนรู้อะไร เลือกยื่นไมค์ให้นักเรียนที่มีแววจะเป็นขวัญใจของทุกๆ คน .... ก่อนจะให้สะท้อนครั้งสุดท้ายด้วยการเขียนลงกระดาษ
ต่อไปนี้เป็นข้อความที่เด็กเขียนมา จับเอามาเฉพาะประเด็นนะครับ
- หายเบื่อ หายง่วง สนุกสนาน
- ได้ทั้งความรู้และความสนุก ประทับใจตมากค่ะ
- ได้รู้จักธรรมชาติของจิตใจตนเอง
- ทำให้มีสติ อดทน อดกลั้น และยับยั้งจิตใจตนเองให้หลุดพ้นจากความโกรธแค้น
- ทำให้เกิดความสามัคคีต่อกันและกัน
- รู้จักให้อภัยเพื่อนๆ ไม่โกรธแค้น
- ได้เรียนรู้กระบวนการคิด และการปฏิบัติอื่นๆ
- รู้ว่าเราควรจะปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อถูกกระทำ
- ทำให้มีแรงบันดาลใจที่จะหาสิ่งที่เราชอบเราถนัด
- ได้รับความรู้มากมายและมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมด้วย
- รู้สึกผ่อนคลาย สบายๆ
- ให้จิตเป็นสมาธิ เรียนรู้การอดกลั้น ไม่ให้โดน "กดปุ่ม" ง่ายๆ
- รู้จักการปล่อยวาง
- อยากให้มีกิจกรรมดีๆ แบบนี้อีกต่อไปเรื่อยๆ
- อย่างให้มีกิจกรรมแบบนี้บ่อยๆ เพราะเป็นกิจกรรมที่เข้าถึงตัวเราได้จริงๆ สามารถนำไปใช้ได้จริง
- ฯลฯ
ผมไม่รู้ว่าเด็กๆ จะสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้และความประทับใจในวันนั้นไปปรับใช้จริงหรือเปล่า แต่ผมมั่นใจว่า หากพวกเขาทดลองนำไปใช้จริงๆ กับตนเอง บุคลิกภาพของพวกเขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอนครับ
ดูรูปทั้งหมดได้ที่นี่ครับ
ผมยินดีรับค่าตอบแทนจำนวน ๑,๕๐๐ บาทจากท่านผู้จัดงาน พร้อมกับบอกท่านว่า ผมจะนำเงินจำนวนนี้รวมไว้เป็นทุนสนับสนุนการดำเนินงานของ CADL เพื่อพัฒนานักเรียน และได้ส่งให้คุณอ้อฝ่ายเลขาฯของเราจัดเก็บตามเจตนารมย์แล้ว ขอบพระคุณท่านมากครับ ที่ให้โอกาสเราได้ทำความดีครั้งนี้
๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗
ฤทธิไกร









ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น