ผมเองไม่ได้ไปคนเดียวครับ มี ดร.เพชร จากคณะวิศวะ และนิสิตอีกในที่ปรึกษาอีก ๒ คน นอกจากนี้แล้ว การแสดงละครครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงการของ อ.ปั๊บ จากคณะดุลยางคศิลป์ที่เข้าไปส่งเสริมนักเรียนและนักศึกษาในสถาบันต่างๆ ให้ใช้การแสดงละครสะท้อนปัญหาและสร้างความตระหนักให้กับสังคม หรือก็คือ "ละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง"
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่ม "ฮักนะเชียงยืน" ลงพื้นที่ทำกิจกรรมจิตอาสาในหมู่บ้านนี้ ติดตามอ่านงานของพวกเขาอย่างละเอียดได้ที่นี่ ครั้งนี้เป็น "วงเรียนรู้" รอบที่สองของการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมจิตอาสา ครั้งแรกที่มาพวกเขาเป็นผู้แสดง แต่ครั้งนี้พวกเขามาเป็นพี่เลี้ยงให้น้องใหม่ในกลุ่มได้แสดงบ้าง (มีบางคนร่วมแสดงด้วย) .... ผมคิดว่า กระบวนการแบบ "ชวนคิด พาทำ และร่วมทำ" แบบนี้แหละคือชุมชนเรียนรู้ที่แท้จริง ....
ผมสังเกตว่า ตนเองยิ้มตลอดการแสดงที่ใช้เวลาประมาณ ๑๐ นาที อาจเป็นเพราะทั้งชื่นชมและภูมิใจที่ได้มามีส่วนร่วมกับกิจกรรมทำความความดีของพวกเขา ผมสังเกตว่าเด็กๆ สนุก และมีความสุขในการแสดงละครครั้งนี้มาก เห็นความมั่นใจในการแสดงบทบาทของตนเอง ผมไม่เห็นใครเลยที่จะ "ยึกยัก ลังเล มองข้าง" ทุกคนชัดเจน ในบทของตนเองมาก
ผมถาม อ.ปั๊บ ว่า นักเรียนกลุ่มนี้แตกต่างจากกลุ่มอื่นๆ ที่ร่วมโครงการ "ละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง" หรือไม่อย่างไร ท่านตอบว่า นักเรียนกลุ่มนี้ทำงานกันอย่างเป็นกระบวนการมากที่สุด มีการวางแผน ประชุมกัน ทดสอบแสดง สะท้อนตนเอง ผลัดกันสะท้อนป้อนกลับ ปรับเปลี่ยนบทใหม่ ฯลฯ .... นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า นักเรียนกลุ่ม "ฮักนะเชียงยืน" ได้นำกระบวนการเรียนรู้ต่างๆ ที่พวกเขาได้รับการพัฒนาจาก "วงเรียนรู้" รอบแรกมาใช้จริงๆ จนเห็นผลจริงแล้ว....
เรื่อง(ละคร) มีอยู่ว่า วิถีชีวิตของชุมชนบ้านแบกแต่เดิมไม่มีอะไรอันใดยุ่งยาก ผู้คนก็อยู่กันด้วยความสุขตามวิธีชาวบ้าน ตัวละควรคนสำคัญคือ ตาถาวร ฉากหนึ่งแกต้องตะโกนปลูกลูกสาวที่นอนตื่นสายโด่ง ออกไปช่วยแกทอดแห "งม" ปลา ซึ่งไม่ได้มีปัญหาว่าขาดแคลนทุกร้อนใดๆ เรียกว่า "ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว" แบบนั้นเลย แต่ต่อมามี "ของฟรี" มาแจก เป็นเมล็ดพันธุ์ "แตงโมฝรั่ง" (แคนตาลูป) บอกว่าชาวบ้านไม่ต้องลงทุนอะไร เพียงแค่ "ลงแรง" นิดหน่อย ทุกอย่างบริษัทจะมาจัดการให้ ทั้งค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี ถึงเวลาเก็บเกี่ยวก็มีผู้มารับซื้อทันที .... ชาวบ้านเกือบทั้งหมด "เห็นดี" เอาด้วย ยกเว้นตาถาวร...
ในเวลาผ่านไปเพียงปีเดียว ชาวบ้านใช้คำว่า "ได้เงินเร็ว" รายได้จากการปลูกแคนตาลูปตามพันธะสัญญา ทำให้ชาวบ้านมีเงินซื้อ มอเตอร์ไซต์ รถยนต์ โทรศัพท์ ฯลฯ บทละครตอนนี้ เด็กๆ เขียนบทและแสดงได้ดีมากๆ ครับ ผมรู้สึกว่านักเรียนทุกคนมีบทของตนเองตลอดเรื่อง มีการส่งเสียงฮือฮา แสดงถึงความ "อิจฉา" และ "อยากมีบ้าง" ของชาวบ้าน .... เว้นแต่ ตาถาวร ที่ยังคงยึดมั่นในการทำเกษตรอินทรีย์ต่อไป ...
เวลาผ่านไปไม่กี่ปี ชาวบ้านเริ่มมีผื่นคันตามตัว ปวดตามตัว อาเจียน เวียนหัว และล้มป่วย เป็นผลของการใช้สารเคมีในการทำการเกษตรตามพันธะสัญญา ชาวบ้านเริ่มเข้าใจและเห็นปัญหา และหันกลับมาเรียนรู้และทำเกษตรปลอดสารพิษตามตาถาวร "ปราชญ์เดินดิน" ของชุมชนบ้านแบก .....
ต่อมา "เอ็ม" นำทีมนักเรียนจัดเสวนาปัญหาชาวบ้าน ผมกระโดดร่วมไปแจมด้วย (ทนไม่ไหว อยากมีส่วนร่วม...ฮา) .... ได้เรียนรู้อะไรๆ เยอะมากครับ บันทึกต่อไปจะมาเล่า AAR ให้ฟังครับ
ดูรูปทั้งหมดได้ที่นี่ ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น