โครงงานอะไร ใคร ที่ไหน อย่างไร เด็ก ๆ ได้อะไร
ครูภาวนา นำเอาหน่วยการเรียนเรื่อง "หนูน้อยนักสัมผัส" มาจัดกระบวนการตามวัฏนจักรนักวิทย์น้อย โดยเครื่องมือการเรียนรู้ที่นำมาใช้คือการ ให้คำถามกับหเด็ก ๆ ว่า "กลิ่นอะไรเอ่ย?" กับสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบ ๆ ตัวเด็ก เด็กใช้จมูกดมกลิ่นสิ่งต่าง ๆ ที่ครูเตรียมไว้ และค่อย ๆ ให้ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับกลิ่นของสิ่งต่าง ๆ เอง (ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิด) โดยค่อยๆ ขยายขอบเขตในการสำรวจออกไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ กลิ่นตัวเอง กลิ่นเพื่อน กลิ่นสิ่งต่าง ๆ ในห้องเรียน ในโรงเรียน ที่บ้าน ฯลฯ แต่ละขอบเขตกระบวนการจะเสร็จสิ้นเป็นรอบ ๆ ไป
กระบวนการของครูภาวนา เริ่มจากการ ใช้คำถาม "สร้างการเรียนรู้" ให้เด็กค้นหาคำตอบโดยการตั้งคำถามกับครูหรือผู้ปกครอง และจดบันทึกด้วยการวาดรูปสิ่งของลงในช่องว่างต่างกลิ่น (กระดาษแข็งแบ่งวงกลมเป็น ๓ ส่วนด้วยสี) โดยใช้สัญลักษณ์ รูปดาวสำหรับกลิ่นหอม รูปสามเหลี่ยมสำหรับกลิ่นเหม็น และรูปวงกลมสำหรับสิ่งที่ไม่มีกลิ่น ก่อนจะพาสรุปองค์ความรู้ด้วยการนำเสนอและระดมข้อมูลกัน และครูสรุปเป็นแผนผังความคิดไว้เป็นหลักฐานของกระบวนการเรียนรู้
กิจกรรมการเรียนรู้ของโรงเรียนโพธิ์ศรีนี้ ถือได้ว่าเป็นโครงงานสำรวจ ที่มีตัวแปรต้น (ตัวแปรอิสระ) เป็นขอบเขตของสถานที่ที่ให้เด็ก ๆ สำรวจ ได้แก่ ห้องเรียน ในบริเวณโรงเรียน และที่บ้าน ตัวแปลตามเป็นชนิดของสิ่งต่างๆ ที่เด็กสำรวจพบ และตัวแปรควบคุมก็เป็น สถานที่ขอบเขตและกรอบของการศึกษา "เครื่องมือวิจัย" ในการสังเกต (เรียกอย่างเท่) คือ แบบบันทึกขนาดใหญ่ที่ให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วม
ผลการประเมินตามเกณฑ์วัฏจักรนักวิทย์น้อย (ดาวน์โหลดเกณฑ์ได้ที่นี่)
ผมจะเขียนผลการประเมินเป็นข้อ ๆ เพื่อให้เห็นเหตุและผลของการให้คะแนนในแต่ละข้อของเกณฑ์ประเมิน ตามความเห็นเมื่อพิจารณาจากหลักฐาน ทั้งที่ได้อ่านจากเล่มและทั้งจากที่ได้ฟังการนำเสนอเมื่อครั้งไปลงพื้นที่โรงเรียน
๑) เป็นโครงงานหรือไม่
วิธี ให้คะแนนข้อนี้ เกณฑ์กำหนดให้ดูว่ามีวัฏจักรวิจัย ๖ ขั้นตอนและต่อเนื่องเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่ให้หยุดตรวจ ถือว่าไม่ผ่านเกณฑ์ ถ้าใช่... ให้ ๑ คะแนน และหากครบกระบวนต่อเนื่องมากกว่า ๒ วงรอบ ให้ ๓ คะแนน
โครงงานนี้ผมให้คะแนน ๓ คะแนน ผ่านเกณฑ์การประเมิน ถือเป็นโครงงานสำรวจ มีการฝึกทักษะตามวัฏจักรนักวิทย์น้อยครบถ้วนทั้ง ๖ ขั้นตอนต่อเนื่องกัน ๓ วงรอบ ดังนี้
- ชี้ชวนให้สงสัย (ตั้งคำถาม) : ครูตั้งคำถามชวนให้เด็ก ๆ หาคำตอบ และตั้งคำถามขยายขอบเขตความรู้ด้วยตนเองต่อไป
- พาให้คาดเดาคำตอบ (รวบรวมความรู้และตั้งสมมติฐาน) : ครูให้เด็ก คาดเดาก่อนว่า อะไรมีกลิ่นไม่มีกลิ่น อะไรหอม อะไรเหม็น ฯลฯ ก่อนจะทดลอง
- พิสูจน์ตรวจสอบคำตอบนั้น (สำรวจตรวจสอบ พิสูจน์สมมติฐาน) : ตรวจสอบพิสูจน์ด้วยการดมด้วยตนเอง
- แบ่งปัน อธิบาย (อธิบายอภิปรายผลการทดลอง) : บันทึกข้อมูลกันเป็นกลุ่ม ให้อธิบายให้เพื่อนและครูฟัง
- ระบาย บันทึก (จดบันทึกผลการทดลอง) : กระดาษช่องว่างต่างกลิ่น ที่ให้เด็ก ๆได้ บันทึกผลการสำรวจ
- สรุปผลและนำเสนอ (สรุปการทดลองและนำเสนอ) : กระดาษสรุปและแผนผังความคิด
เกณฑ์กำหนดว่า ถ้าเกิดจาครู ๑ คะแนน ถ้าเป็นเด็กและครูช่วยกันตั้งคำถาม ได้ ๒ คะแนน และถ้าเป็นเด็กตั้งคำถามเอง จะได้ ๓ คะแนน
ผม ให้ ๑ คะแนนครับ ครูเป็นคนคิดและนำเอากิจกรรมการเรียนการสอนมาจัดกระบวนการเรียนรู้ด้วยโครงงานสำรวจ ถือเป็นโครงใหญ่ (เด็กทั้งห้อง) ที่ครูต้องการปลูกฝังทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ให้เด็ก ๆ
๓) การะบวนการในการสำรวจตรวจสอบ
เก ณฑข้อนี้มี ๒ ข้อย่อย ๑) ดูที่ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบกระบวนการสำรวจตรวจสอบ ถ้าครูคิดให้ ๑ คะแนน เด็กและครูร่วมกันให้ ๒ คะแนน และถ้าเป็นเด็กคิดให้ ๓ คะแนน
ข้อนี้ผมให้ ๑ คะแนน เช่นกันครับ ครูเป็นคนพาคิด พาทำ .... ซึ่งผมคิดว่าจำเป็นสำหรับเด็กอนุบาลและการเริ่มต้นฝึกในปีแรก
เกณฑ์ ข้อย่อย ๒) เด็กทำเองหรือไม่ ถ้าใช่!! ให้ ๓ คะแนน ถ้าเด็กมีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมได้ ๒ คะแนน และถ้าครูพานำทำตลอด จะได้ ๑ คะแนน
ข้อนี้ผมให้ ๒ คะแนนครับ
๔) การรายงานผลและการบันทึกการสำราวจตรวจสอบ
เกณฑ์ บอกว่า มีการบันทึกหรือไม่? ถ้ามี ให้ดูต่อว่าสอดคล้องกับสมมติฐานหรือไม่ ถ้าใช่ ให้ ๒ คะแนน ถ้าไมสอดคล้องให้ ๑ คะแนน ถ้าไม่มีการบันทึกให้ ไม่ให้คะแนน
ข้อนี้ ๒ คะแนนแน่นอนครับ ดังที่อธิบายไปแล้ว
๕) การสรุปและอภิปรายผลการตรวจสอบ
ข้อ ย่อย ๕.๑) เกณฑ์กำหนดว่า ถ้าสิ่งที่สรุปสอดคล้องกับคำถามและผลการสำรวจให้ ๑ คะแนน ถ้าไม่ให้ ๐ คะแนน ส่วนข้อย่อย ๕.๒) ถามว่าใครเป็นนสรุป ถ้าเป็นครูให้ ๐ คะแนน เด็กต้องมีส่วนร่วมในการสรุป ถึงจะได้ ๑ คะแนน
ข้อ ๕.๑) ให้ ๑ คะแนน และ ๕.๒) ให้ ๑ คะแนนครับ เด็กได้มีส่วร่วมตลอดทุกกิจกรรม
๖) การส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เกณฑ์ กำหนดว่า ถ้าเด็กได้ฝึกการสังเกต การวัด การจำแนก การเปรียบเทียบ การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส และสเปสกับเวลา การคำนวณ การจัดกระทำกับข้อมูลและสื่อความหมายข้อมูล การลงความเห็นจากข้อมูล การพยากรณ์ ฯลฯ เหล่านี้ อย่างน้อย ๔ ทักษะขึ้นไป ให้ ๓ คะแนน ถ้า ๓ ทักษะให้ ๒ คะแนน และถ้า ๒ ทักษะให้ ๑ คะแนน
ข้อนี้ได้ไป ๓ คะแนนครับ ได้แก่ สังเกต เปรียบเทียบ การจัดกระทำกับข้อมูลและสื่อความหมายข้อมูล การลงความเห็นจากข้อมูล
๗ การส่งเสริมพัฒนาการหรือทักษะด้านอื่นๆ
เกณฑ์ ข้อนี้ส่งเสริมการบูรณาการวัฏจักรนักวิทย์น้อยกับการฝึกทักษะด้านอื่นๆ เช่น ด้านภาษาและการสื่อสาร ทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้านสังคมเช่นการทำงานร่วมกัน ด้านการเคลื่อนไหวหรือฝึกร่างกายให้กล้ามเนื้อมัดเล็กมัดใหญ่ให้แข็งแรง หรือ ด้านอารมณ์และจิตใจให้เด็ก ๆ มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ทักษะชีวิต ฯลฯ โดยกำหนดว่า ถ้ามี ๔ ด้าน ขึ้นไปให้ ๓ คะแนน ถ้ามี ๓ ด้านให้ ๒ คะแนน ถ้ามี ๒ ด้านให้ ๑ คะแนน
ข้อนี้ให้ ๓ คะแนนครับ ได้แก่ ด้านการสื่อสาร ด้านการเรียนรู้ เช่น การคิดวิเคราะห์ เปรียบเทียบ ด้านการเคลื่อนไหว มีการเรียนรู้นอกห้องเรียน และด้านอารมณ์จิตใจ ที่ครูสนใจอย่างยิ่งที่จะให้เด็ก ๆ เรียนรู้อย่างสนุกสนาน
๘) ความริเริ่มสร้างสรรค์ของโครงงาน
โครงงานมีความแปลใหม่หรือไม่ ถ้าคัดลอกหรือปรับเปลี่ยนโครงงานจากผู้อื่นโดยไม่ได้ทำจริง ให้ปรับตก แต่ถ้านำหัวเรื่องคนอื่นมาทำเองให้ ๑ คะแนน ถ้าครูและเด็กริเริ่มขึ้น ให้ ๒ คะแนน แต่ถ้าเป็นโครงงานที่แปลกใหม่จริงๆ ให้ ๓ คะแนน
ข้อนี้ผมให้ ๑ คะแนน ครับ
สรุปผลการประเมิน
สรุปทั้ง ๘ ข้อ โครงงานนี้ได้คะแนนรวม ๑๘ คะแนน ผ่านเกณฑ์ประเมิน เหมาะสมที่ได้รับตราพระราชทานครับ
จบเท่านี้ครับ ... สู้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น