วันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

PLC มหาสารคาม ประจำปี ๒๕๕๗ (๓)_ วิถีนักเรียนไทย

ใน "วง PLC มหาสารคาม ประจำปี ๒๕๕๗" เราเริ่มประเด็นด้วย "รูปแบบ - ไร้รูปแบบ" ก่อนจะปิด "วง" นอกจากสรุปเรื่อง "Spec ครูไทย" แล้ว ผมยังพยายามชวนครูคุยเรื่อง "วิถีนักเรียนไทย" โดยเน้นให้เห็น "สภาวะแยกส่วน" ของ "ระบบหลักสูตร" การศึกษาไทย ด้วยการชี้ให้เห็นและนำมาเป็นประเด็นแลกเปลี่ยนกัน ดังต่อไปนี้



  • เราสามารถแบ่งการศึกษาออกเป็น ๓ ช่วง ตามวัตถุประสงค์จริงๆ ของชีวิต ได้แก่ 
    • ช่วงฝึกพึ่งตนเองด้านการศึกษา  ได้แก่ การศึกษาตั้งแต่อนุบาลถึง ม.๓  ซึ่งเป้าหมายสำคัญของการเรียนคือ ทักษะการเรียนรู้ อ่านออก เขียนได้ คิดเป็น สามารถศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
    • ช่วงฝึกพึ่งตนเองด้านอาชีพ การงาน เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการออกไปประกอบสัมมาอาชีพในช่วงต่อไป หลักสูตรการศึกษาไทยแบ่งออกได้เป็น ๓ สาย ได้แก่ ๑) สายสามัญ ที่นักเรียนนิยมที่สุด เพราะเป็นหนทางเดินสู่มหาวิทยาลัยในคณะวิชาต่างๆ ไป เข้าใจกันว่าจะทำให้ได้เป็น "เจ้าคน นายคน" สายสามัญแบ่งความถนัดของนักเรียนออกเป็น ๒ หมวดคือ สายวิทย์-คณิต และสายศิลป์-ภาษา ๒) สายอาชีพ คือเรียนต่อระดับ ปวช. และ ปวส. เป้าหมายคือการฝึกฝนให้คนมี "ทักษะชีวิตและการประกอบอาชีพ" สามารถพึ่งตนเองได้ และ ๓) เป็นการศึกษานอกระบบตามอัธยาศัย หน่วยงานที่ทางราชการวางไว้ให้คือ กศน.  เป้าหมายสำคัญคือ การขยายโอกาสสำหรับผู้สนใจใฝ่เรียนให้สูงขึ้นแต่ไม่มีโอกาสเรียนในระบบ
    • ช่วงประกอบอาชีพ การงาน ฝึกฝนตนเองให้เชี่ยวชาญ  ได้แก่ การศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ซึ่งโดยมากเกือบทั้งหมดของระบบบัณฑิตศึกษาไทย จะเน้นไปทางทฤษฎีที่ผลิตนักวิชาการ ยังไม่ได้ให้ความสำคัญกับ "ภูมิปัญญา" และ "ปราชญ์" มากนัก แม้จะมีศิลปินแห่งชาติ หรือ "ปราชญ์แห่งแผ่นดิน"
  • ปัจจุบัน ตลาดแรงงานต้องการนักเรียนสายอาชีพต่อสายสามัญ ๖๐:๔๐ แต่ปัจจุบันเราผลิตนักเรียนแบบกลับทาง ๔๐:๖๐ ทำให้เกิดปัญหาความไม่สมดุลตามมา 
  • ปัจจุบันคนไทยติดค่านิยม "ใบปริญญา" คือติด "วุฒิการศึกษา" มากกว่าจะมองถึง "ปัญญา" ที่ได้จากการเรียนรู้ ตัวอย่างที่เห็นชัด ง่ายที่สุดคือการขึ้นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษา แทนที่จะพิจารณาตามผลงานเป็นหลัก 
  • โดยตัวระบบแล้ว "แยกส่วน" และ "เนินวิชา" ตั้งแต่ระดับชั้น ม.ปลาย แต่ความจริง ลักษณะการจัดการเรียนการสอนของครูนั้น "แยกส่วน แยกวิชา" มาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาแล้ว เนื่องเพราะครูที่เรียนแยกส่วนมาตลอด และการสอนที่เน้น "ถ่ายทอด บอกต่อ เนื้อหา" จึงทำให้เกิดปัญหา "ขาดการเชื่อมโยงสู่ชีวิตจริง" 
  • หลักสูตรระดับอุดมศึกษาเน้น "ทฤษฎี" มากกว่า "ปฏิบัติ" เฉลี่ยรวมโดยอัตรา ๗๐ เปอร์เซ็นต์ ทำให้ นิสิตปริญญาตรีทุกวันนี้ ได้รับการสะท้อนว่า "ทำอะไรไม่เป็น" มากขึ้นเรื่อยๆ 
  • ปัจจุบันมีคนที่ทำงานมีนายจ้างเพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์ของผู้จบปริญญาตรี  ทั้งๆ ที่ระบบการศึกษามุ่งพัฒนาให้คนไปรับจ้าง เข้าโรงงาน หรือทำงานในภาคอุตสาหกรรม
  • ปัจจุบันบัณฑิตที่จบ ป.ตรี ได้งานทำตรงสายกับที่เรียนจริงๆ เพียง ๓๐ เปอร์เซ็นต์  เรียกว่า "สูญเปล่าทางการศึกษาสูงมาก" 
  • ฯลฯ
ผมสรุปในตอนท้ายว่า  เป้าหมายที่แท้จริงของครูเพื่อศิษย์ในระดับ ป.๑ - ม.๓ น่าจะเป็นการ "ปลูก ฝัง บ่ม เพาะ" คุณธรรมความดี และทักษะการเรียนรู้ ให้นักเรียนสามารถ "เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง" สามารถพึ่งตนเองได้ทางการศึกษา เพื่อให้นักเรียนแต่ละคน "รู้จักตนเอง" เพื่อให้มั่นใจในการวางแผนชีวิตของตน (ร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครอง) .....  หากทำได้ เราจะได้ไม่สูญเปล่าทางการศึกษามากมายขนาดนี้อีกต่อไป

ท่านคิดว่าไงครับ....

PLC มหาสารคาม ประจำปี ๒๕๕๗ (๒)_ สเปคครูไทย

วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๗ มีการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "การยกระดับครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑" ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมีตัวแทนจาก PLC มหาสารคามเขาเราถึง ๔ ท่าน ได้แก่ ครูเพ็ญศรี ใจกล้า ครูเพ็ญศรี กานุมาร ครูอัจฉราวรรณ ภิบาล และครูศิริลักษณ์ ชมภูคำ ไปร่วมแบ่งปันประสบการณ์ด้วย ที่ประชุมได้ร่วมกันสร้างวิสัยทัศน์ว่า "Spec ครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑" ควรเป็นอย่างไร โดยเชิญ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช เป็นกระบวนกรดำเนินขบวนการ ลปรร.

ในเวที PLC มหาสารคาม ประจำปี ๒๕๕๗ นี้ ที่ทั้ง ๓ ท่าน (ครูอัจฉราวรรณ ไม่สบาย เลยไม่ได้มาร่วม) นำผลสรุป "สเปคครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑"  มาฝากด้วย จึงได้แลกเปลี่ยนและมีข้อสรุปของ "สเปคครูไทยใน PLC มหาสารคาม" ด้วย ผมคิดว่า มีสิ่งที่มีสาระและสำคัญ จึงนำมาแบ่งปันท่านไว้ในบันทึกนี้

Spec ครูไทยจาก เวที "ยกระดับครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑

ผมนำเอกสารสรุปผลการประชุมในประเด็น "Spec ครูไทย" ที่สมาชิกนำมาให้ ซึ่งบันทึกเกี่ยวกับความเห็นของ "ผู้นำ" (ที่ถูกเลือกโดยทีมจัดงานดังกล่าว) ตอบคำถามแบบสั้นๆ ว่า ครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑ เป็นอย่างไร ได้ดังภาพด้านล่าง

และถือโอกาสใส่ "ความเห็น" ของตนเอง ว่า สถานะของครูไทยในขณะนี้มีจุดดีจุดเด่นอย่างไร โดยกำหนดระดับไว้คล้ายระบบ QC สินค้าญี่ปุ่นที่พบทั่วไป ดังนี้ครับ




Spec ครูไทย จาก PLC มหาสารคาม 

นอกจาก "จิตวิญญาณความเป็นครู" ที่ต้องมี ภูมิรู้ ภูมิธรรม และความรัก เมตตาต่อศิษย์เป็นพื้นฐานแล้ว เราสรุปคุณลักษณะเพิ่มเติมของครูไทยในศตวรรษที่ ๒๑ ได้ ๕ ประการ ดังนี้ 

๑) เป็นแบบอย่างที่ดี แบบอย่างที่มีคุณค่าของลูกศิษย์
๒) เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ เป็นผู้ตื่นรู้
๓) เป็นนักออกแบบการเรียนรู้ และประเมินผลการเรียนรู้
๔) เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ นักสอน นักสื่อ นักประสาน นักอำนวยการเรียนรู้
๕) เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นนักพัฒนา



ท่านล่ะครับ คิดว่าอย่างไร
ขาดหรือเกินประการใด
โปรดสังเกต "ใจ" ของตนเองเถิด



วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

PLC มหาสารคาม ประจำปี ๒๕๕๗ (๑)_ รูปแบบ-ไร้รูปแบบ

ผมตั้งใจว่าจะสร้าง "PLC ครูเพื่อศิษย์" ประจำปีให้เป็น "เวที" พัฒนาแบบ "แลกเปลี่ยน ซึมลึก" ไม่เน้นเชิงกว้าง เพื่อให้ครูเพื่อศิษย์ได้ "มั่นใจ" "มั่นคง" ในแนวทางการพัฒนาการเรียนรู้ของเราเอง และ "ภูมิใจ" บอกไปขยายต่อไปเอง ปีที่แล้ว (๒๕๕๖) เราไปคุยกันที่เขื่อนจุฬาภรณ์ (ที่นี่)  ตกมาปีนี้ (๒๕๕๗) PLC มหาสารคาม จัดเวทีแลกเปลี่ยนกันนอกสถานที่ คราวนี้ไปที่ กรีนเลควิวรีสอร์ท ใกล้เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น (เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงจากตัวเมืองขอนแก่น ชั่วโมงครึ่งจากตัวเมืองมหาสารคาม)

ผ่านมาหนึ่งปี เรามี ครูบีพี (Best Practice: BP) ๓ ท่าน มาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้อื่น (ในฐานะวิทยากรร่วมแลกเปลี่ยน) ได้แก่ ครูเพ็ญศรี ใจกล้า จากโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม ครูศิริลักษณ์ ชมพูคำ จากโรงเรียนบ้านหินลาด และครูเพ็ญศรี กานุมาร จากโรงเรียนนาสีนวนประชาสรรพ์  รายละเอียด PB ของทั้ง ๓ ท่าน ส่วนหนึ่งผมได้เขียนถึงบ้างแล้วในบันทึกในสมุดเล่มนี้ต่อไปครับ

รูปแบบ - เรียนรูปแบบ - ไร้รูปแบบ - ริเริ่มรูปแบบ

เราช่วยกันสรุป "ความเข้าใจ" ในสิ่งที่ต่างคนต่างทำด้วยตนเอง ในการจัดการเรียนการสอนของเด็กผ่านโครงงานหรือผ่านปัญหา (PBL) ว่า สิ่งที่เราทำอยู่ในระดับใด "เข้าถึง" "คุณค่า" และ "ความหมาย" ของสิ่งนั้นๆ หรือไม่  สามารถแยกเป็น ๔ ระดับได้แก่
  • ขั้นใช้รูปแบบ หมายถึง การใช้ "หลักปฏิบัติ" หรือ "แนวปฏิบัติ" ที่เคยมีมา อาเป็นทฤษฎี กิจกรรม ฯลฯ 
  • ขั้นเรียนรูปแบบ  ระหว่างที่นำ "รูปแบบ" นั้นมาใช้ เราก็สังเกต ศึกษา วัดผล ประเมินผลบนพื้นฐานของบริบทและเป้าประสงค์ของตนเอง ทำให้เกิดความรู้ "เข้าใจ" และ "เข้าถึง" ในวิธีการ "พัฒนา" นักเรียนด้วยรูปแบบนั้นๆ 
  • ขั้นไร้รูปแบบ คือ สถาวะที่เราเกิดองค์ความรู้และทักษะในการออกแบบในตนเองเพียงพอ สามารถปรับใช้รูปแบบเดิมต่างๆ หรือออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนให้เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายได้ทั้งผู้เรียนและผู้อำนวยการเรียน ฯลฯ
  • ขั้นริเริ่มรูปแบบ คือ ขั้นสังเคราะห์ประสบการณ์ฝังลึก (Tacit Knoledge) ในตนเอง ออกมาเป็น "หลักปฏิบัติ" หรือ "แนวปฏิบัติ" อาจเป็นในลักษณะของแบบจำลอง คู่มือ ผลงานวิชาการ ฯลฯ ซึ่งเพื่อนครูสามารถนำ "รูปแบบ" นี้ไปทดลองใช้ได้ 
เพื่อให้เพื่อนครูเพื่อศิษย์นำหลักคิดนี้ไปพิจารณาการเรียนการสอนของตนเอง หรือ สร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างกลุ่ม  จึงได้จัดทำแผนผังความเข้าใจนี้ไว้ด้วย ดังนี้ครับ 


บันทึกต่อไป มาว่ากันเรื่องสเปคครูไทย ที่ผมได้เรียนรู้ใหม่จากเพื่อนครูครับ...







ดูรูปทั้งหมดได้ที่นี่ครับ