วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เวที PLC พูนพลังครูเพื่อศิษย์อีสาน ปี ๒๕๖๒: ครูเพ็ญศรี ใจกล้า (เกษียณปีนี้)

วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒  ทีมงาน "คนค้นครู" จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อ "พูนพลังครู" เพื่อศิษย์อีสาน ประจำปี ๒๕๖๒  มีคุณครูเพื่อศิษย์อีสานมาร่วมสนทนาแบ่งปันประสบการณ์และความสุขกันทั้งหมด ๙ ท่าน  คือ ๑) คุณครูเพ็ญศรี ใจกล้า ๒) คุณครูเพ็ญศรี กานุมาร ๓) คุณครูเรย์ จีรนันท์ จันทยุทธ์ ๔) คุณครูอ๋อย อัจฉราวรรณ ภิบาล วันนี้มาพร้อม ("คนขับรถ" ระดับ ผอ. โรงเรียน) ๕) คุณครูเต้ง สุริยนต์ ฉิมพลี ๖) คุณครูคเณศ ดวงเพียราช ๗) คุณครูภาวนา ดวงเพียราช ๘) คุณครู ผอ.ไพฑูรย์ แวววงศ์ ๙) คุณครูศิริลักษณ์ ชมภูคำ  และ ๑๐) คุณครูวรารัตน์ ภูเฉลิม  รวมกับเทีมเรา ๓ มี คุณเสือ คุณดาว และแสน (ธีระวุฒิ ศรีมังคละ) รวมเป็นทั้งหมด ๑๔ คน มาสนทนาแลกเปลี่ยนกันแบบไม่มีพิธีการใด ๆ  .... เป็นเวทีที่เกิดจากใจ เกิดจากมิตรภาพภายในโดยแท้ ขอนำมาเล่าบันทึกไว้ในความทรงจำครับ






ปีนี้ไม่มีการมอบรางวัล "ครูเพื่อศิษย์อีสาน" ผมแจ้งอาจารย์ทุกท่านตามตรงว่า ผมไม่ได้ทำงานของ "คนค้นครู" มากนัก มัวแต่ไปลุยกับรายวิชาศึกษาทั่วไป ที่หวังจะขับเคลื่อนการเรียนการสอนระดับปริญญาตรี ให้นำเอาการสอนแบบที่ตนเองเข้าใจว่าควรทำอย่างไรในศตวรรษที่ ๒๑ ให้เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัยในสังกัด ซึ่งก็ได้ผล "ระดับหนึ่ง" ส่วนที่ไม่ได้ผลก็พบว่า เป็นเพราะภายในของ "คน" ล้วน ๆ  ไม่ใช่ท่านไม่รู้ แต่เป็นเพราะไม่ได้คิดว่าท่านเป็น "ครูเพื่อศิษย์" ในห้องเรียนรายวิชาศึกษาทั่วไป ... ปีต่อไปนี้ น่าจะมีโอกาส จังหวะ และเวลา ให้ทีม "คนค้นครู" ได้เต็มที่

ผมออกแบบกิจกรรม PLC ให้ครูได้เล่าเรื่อง โดยกำหนดไปที่ "เรื่องเล่า" (story telling)  โดยคุณครูอาจหยิบเอาเรื่องใดก็ได้ในวงรอบ ๑ ปีที่เราไม่ได้เจอกัน มาแลกเปลี่ยนและแบ่งปันประสบการณ์กัน  ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน อยากให้วันนี้เป็นเหมือนวันที่เพื่อนเดินทางมาหากัน กินข้าวร่วมกัน แบ่งปันสิ่งดีให้แก่กัน ... เมื่ออายุมาถึงจุดนี้ ผมเริ่ีมเข้าใจว่า กระบวนกรที่เคยเรียนรู้  ทุกท่านล้วนแต่ไร้รูปแบบ ไร้พิธีการทั้งสิ้น ... ยังไงก็ดี บทบาทที่ผมชอบและคงจะไม่เลิกทำไปจนตลอดชีวิตก็คือ การเรียนรู้และถอดบทเรียนจากผู้ลงมือทำนำประสบการณ์ตรงของท่านมาเล่า

ขอนำมาบันทึกเป็นความทรงจำ  ประเด็นสำคัญที่ขอนำมาแชร์กันครับ

๑) ครูเพ็ญศรี ใจกล้า

ปีนี้คุณครูเพ็ญศรี ใจกล้า ต้องเกษียณอายุจากระบบข้าราชการไทย สำหรับผม... รู้สึกเป็นที่น่าเสียดายบุคลากรทางการศึกษาที่ทรงคุณค่านี้ยิ่ง ประเทศที่พัฒนาแล้วหลาย ๆ ที่ เขามีระบบที่เอื้อให้ผู้มีผลงานเชิงประจักษ์แบบนี้ ให้เข้ามามีบทบาทต่อการพัฒนาคนรุ่นหลัง ยกให้เป็นครูหรือที่ปรึกษา เป็นพี่เลี้ยงให้ผู้จะสานต่อเดินไปได้ .... เข้าใจว่าประเทศไทยก็กำลังพยายามสร้างระบบนี้ คนดีครูดี คงต้องมีงานให้ทำต่อไปครับ

คุณครูเพ็ญศรี สรุปประสบการณ์ ๖๐ ปี ออกมาเป็น ๓ ข้อบทบาทของครู ที่ครูทุกคนควรเป็น
  • ครูคือ "ผู้สร้างแรงบันดาลใจ" 
  • ครูคือ "ผู้ให้โอกาส" 
  • ครูคือ "ผู้สนับสนุน" 
และให้แนวทางสำคัญ ๒ ข้อ สำหรับครูที่ยังไม่มั่นใจ ว่า "อย่ากลัว"  อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง และให้ "อยู่กับปัจจุบัน" 

เป็นการสรุปแบบลัดสั้น แต่ผมเห็นด้วยตามนั้นว่า นั่นคือทั้งหมดของแก่นการศึกษาไทย ซึ่งไม่ว่าจะอยู่ในศตวรรษใด ก็จะทันสมัยเสมอ ...

ผลงานที่ประจักษ์ของคุณครูเพ็ญศรีมีมากมาย ดูจากความทรงจำของศิษย์ที่มีต่อคุณครู  วันนี้แสน ธีระวุฒิ ศรีมังคละ (แสน) นิสิตฝึกสอนที่กำลังจะเป็นครู เอาประสบการณ์งานออกแบบสื่อและเทคนิคการสอนแบบเกมส์มาแบ่งปันด้วย

ขอพักไว้เท่านี้ชั่วครู่ ... ครูเพื่อศิษย์อีสานจะเดินต่อไปในจังหวะ โอกาส วาสนา และเวลาที่เหมาะสมครับ

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ขับเคลื่อน PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม _๖๐ : เล่าด้วยภาพ เยี่ยมโครงการบ้านวิทย์น้อย โรงเรียนเทศบาลบ้านแมด

วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒ โรงเรียนเทศบาลบ้านแมด โรงเรียน&รีสอร์ท เป็นโรงเรียนสุดท้ายใน ๗ โรงเรียนในสังกัดของเทศบาลเมืองมหาสารคาม ที่เราไปเยี่ยมในวงรอบปีการศึกษานี้  เอาภาพมาบันทึกไว้ในความทรงจำครับ


  • คุณครูศุรตา พาเด็ก ทั้งอนุบาล ๑, ๒, และ ๓ มาเรียนรวมกัน ทำการทดลองเรื่อง "อากาศต้องการที่อยู่" 
  • เริ่มด้วยการสาธิต ทำให้ดูก่อน แล้วจึงพาทำในภายหลัง 
  • เทคนิคที่น่าสนใจคือ การนำเอารูปสติกเกอร์หมีน้อย (คล้ายคิดติ้) มาให้เด็ก ๆ สังเกตว่า ตัวหมีน้อยเปียกหรือไม่เปียก โดยให้เด็ก ๆ เอามือแตะที่ตัวหมีน้อยดู ... ผมคิดว่านี่คือกิจกรรมส่งเสริมการสังเกตที่ดี 
  • เพราะการสังเกตที่ดี ควรจะใช้ประสาทสัมผัสหลายส่วน ทั้ง ตา หู จมูก ลิ้น ผิวกาย ตามแต่จะเหมาะสมและปลอดภัย  


  • จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนบ้านวิทย์ฯ น้อยที่โรงเรียนเทศบาลบ้านแมด คือ เด็ก ๆ อนุบาลทั้งหมด อ.๑-๓ จะได้มาเรียนรวมกัน เพราะจำนวนนักเรียนมีน้อย  
  • ที่ว่าเป็นจุดเด่นเพราะ วิธีเรียนที่ดีที่สุดคือ "การสอน" หาก มีกิจกรรมที่พี่ต้องอธิบายให้น้องฟัง พี่ก็จะเก่งขึ้นเร็วกว่า 
  • อย่างไรก็ตาม จุดเด่นนี้จะกลายเป็นจุดด้อยทันที ถ้าครูไปเน้นเรื่องเนื้อหาสำหรับเด็กทุกคน หรือต้องการจะให้ 
ข้อสรุปจากวง PLC ในภาพรวมของการเยี่ยมโรงเรียนเทศบาลบ้านวิทยาศาสตร์น้อย

วันนี้ศึกษานิเทศก์มากันครบทุกท่าน ผมเข้าใจว่า ท่านจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ถึงผลสรุปของการดำเนินโครงการและผลจากการเยี่ยมชมทั้ง ๗ โรงเรียน  ผมจึงเสนอข้อสะท้อนป้อนกลับ (Feedback) ในภาพรวม และข้อเสนอแนะ สำหรับการพัฒนาต่อไป ดังนี้ 
  • คลายความกังวลของคุณครูโดยลดความเข้มงวดเรื่องการสรุปเนื้อหาหรือสาระสำคัญทางวิทยาศาสตร์ที่คุณครูยังไม่มั่นใจ ... "ไม่เน้นเนื้อหา" 
  • เพิ่มความเข้าใจให้คุณครูเรื่องการ ปลูกฝัง "จิตวิทยาศาสตร์" และ การฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (๑๔ ประการ) โดยเฉพาะทักษะฯ พื้นฐาน ๘ ประการ  .... "เน้นทักษะ"
  • สิ่งที่ต้องพัฒนาต่อไปคือ การสร้างความมั่นใจในการนำทดลองให้คุณครู  วิธีการสร้างความมั่นใจคือ คุณครูต้องทำการทดลองดูด้วยตนเองก่อน  อาจจัดเป็นวง PLC ให้คุณครูได้มาร่วมกันทดลองแลกเปลี่ยนกันเป็นระยะ  หรือจัดเวทีให้คุณครูได้เป็นวิทยากรในเรื่องที่ตนเองถนัดและประสบความสำเร็จในการสอน
ขอฝากคุณครูและท่าน ศน.  ๓ ประเด็นนี้ครับ 

วันจันทร์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ขับเคลื่อน PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม _๕๙ : เล่าด้วยภาพ เยี่ยมโครงการบ้านวิทย์น้อย โรงเรียนเทศบาลบ้านค้อ

วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ มีนัดกับ อ.อัญชลี ศึกษานิเทศก์ ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านค้อ ไปเยี่ยมคุณครูในโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย  เอาภาพมาบันทึกเล่าไว้ ให้ได้สืบค้นทบทวนกันว่า เราเดินกันอย่างไร นะครับ



  • คุณครูมุกดา พาน้อง ๆ อนุบาล ๓ เอาไข่ต้มและลูกโป่งใส่ขวดโหล โดยใช้หลักการขยาย-หดตัวของอากาศเมื่ออากาศร้อน-เย็น โดยวิธีการจุดไฟใส่ขวดแล้วเอาไข่ปิดฝา 
  • ผมลองมาทำการทดลองนี้ที่บ้านกับลูกสาว ไม่ง่ายเลยครับ มีข้อควรคำนึงหลายอย่าง ได้แก่ 
    • ขนาดของไข่กับปากขวด ต้องไม่แตกต่างกันมากเกินไป ... ไม่อย่างนั้นไข่จะแตก
    • ผิวของไข่ควรจะต้องเปียกหรือลื่น ...ไม่อย่างนั้นแรงดันจากอากาศหดตัวอาจไม่พอดึงไข่ลงได้ 
    • ต้องจุดไฟให้เผาเป็นเปลวใหญ่พอควร จึงจะเผาให้อากาศร้อนเพียงพอ  ... แนะนำว่า ครูควรทดลองดู ขนาดของไฟที่เหมาะสม  และไม่ควรให้เด็กจุดกันเอง  


  • อุปกรณ์สำหรับเอาไข่ใส่ขวดโหล  
  • ถ้าเปลี่ยนจากไข่เป็นลูกโป่ง  อันนี้ผมยังไม่ได้ลองทำ แต่ด้วยแรงเสียดทานที่มากที่ผิวลูกโป่ง และการยึดหยุ่นที่มากเกินไป  ขอตั้งสมมติฐานว่า ไม่น่าจะตกลงไปในขวดนะครับ ... ผมจะไปทดลองทำดูครับ  


  • ผมเจอน้องหนูตัวน้อยนี้ อดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปไว้ เธอน่ารักมาก  รอยยิ้มของเธอทำให้โลกสดใส .. 


  • ครูจรัสศรี พาเด็ก ๆ ทดลองเรื่องฟองอากาศ  คุณครูปรับกิจกรรมจากโครงการบ้านวิทย์นิดหน่อย ตรงที่ แทนที่จะเป่าลมลงไปในชาม แต่ให้เด็ก ๆ ใช้ปลายหลอดแตะน้ำแล้วยกมาเป่าฟองนอกจาน  แข่งกันว่าใครจะเป่าได้ฟองใหญ่กว่า  
  • การทดลองอะไรก็ตาม ไม่มีไม่สำเร็จ สังเกตตรงที่เด็ก ๆ ได้เล่นอย่างสนุกสนาน  


  • หนูน้อยคนนี้ร้อง "ว้าว...."  เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ... ผมมั่นใจว่า เขาได้ฝึกทักษะการสังเกต 


  • คุณครูอุไร สร้างความสงสัยให้เด็กด้วยการ เอาน้ำอัญชันสีน้ำเงิน มาเปลี่ยนเป็นสีม่วง ด้วยกรดจากน้ำมะนาว  


  • วันนี้ วง PLC เรามีท่านรอง ผอ. มาร่วมด้วย เราสรุปว่า เราน่าจะมี PLC การทดลองทำการทดลองต่าง ๆ กันบ้าง ให้คุณครูได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน 
  • ความเห็นส่วนใหญ่จะไปในแนวเดียวกัน ผมพยายามจะขับเคลื่อนว่า สิ่งที่เราต้องการจะปลูกฝังคือ "จิตวิทยาศาสตร์" และ "ฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์" 

ขับเคลื่อน PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม _๕๘ : เล่าด้วยภาพ เยี่ยมโครงการบ้านวิทย์น้อย โรงเรียนเทศบาลโพธิ์ศรี

วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไปร่วมสืบสานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพฯ  ในโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ที่โรงเรียนเทศบาลโพธิ์ศรี  มาเล่าด้วยภาพ เก็บไว้ในความทรงจำ ที่เราได้ทำสิ่งดี ๆ ให้กับเด็ก ๆ ร่วมกันครับ

ขอแจ้งท่านผู้ปกครองหรือท่านใดที่อยู่ในเขตเทศบาลมหาสารคามทราบนะครับ โรงเรียนในสังกัดเทศบาลเมืองมหาสารคาม มีความพร้อมด้านการจัดการเรียนรู้ดูแลนักเรียนอนุบาลมาก ๆ   ทั้งด้านสถานที่และสิ่งเอื้อต่อการเรียนรู้ อาคารสถานที่ อุปกรณ์การเรียน คุณครูก็พร้อมมาก  นี่คือการเป็นที่พึ่งของชุมชนอย่างแท้จริง หากผู้ปกครองจะช่วยกัน สามัคคีกัน ด้วยการให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้  เด็ก ๆ จะเติบโตไปสู่ระดับต่อไปยอย่างมีคุณภาพและความสุขได้ไม่ยาก



  • ก่อนเริ่มเรียน คุณครูจะมีกิจกรรมตามรูปแบบและจังหวะ นำนักเรียนเตรียมความพร้อมก่อนเริ่มเรียน 


  • ชั้นเรียนอนุบาล ๓ ของครูภาวนา สมควรเป็นแบบอย่างที่ดี (Best Practice) ในการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา (Solving Problem Skill) ให้กับเด็ก ซึ่งเป็นทักษะในศตวรรษที่ ๒๑ ที่สำคัญประการหนึ่ง 
  • เทคนิคการสอนแบบที่ครูภาวนาใช้กับเด็ก ๆ นี้ ก็คือ การจัดการเรียนรู้บนฐานปัญหา หรือ Problem-based Learning  ในชั้นเรียนนั่นเอง  วิธีการที่ครูภาวนาพาเด็ก ๆ เรียนรู้ คือ กำหนดสถานการณ์ปัญหาให้ โดยมอบอุปกรณ์ให้คนละกระจาด ได้แก่ แผ่นซีดี กระดาษ สีชอร์ค ดินน้ำมัน และลูกแก้ว แล้วตั้งคำถามว่า ทำอย่างไร จะทำให้ซีดีหมุนได้นาน ๆ  โดยไม่รีบให้ดูตัวอย่าง และค่อย ๆ ใบ้ให้เห็นภายหลังจากที่เด็กค่อย ๆ ใช้ความพยายามของตน 
  • จากการสังเกตพบว่า เด็ก ๆ คิดได้เอง และทำได้เองจริง ๆ  และที่น่าสนใจมากคือ เด็กที่คิดได้เองก่อนคือเด็กที่ไม่ค่อยพูดตอบกับครูด้วย 


  • สองคนนี้กำลังครุ่นคิดว่า จะทำอย่างไรดี ครู "ประวิง" เวลาให้เด็กครุ่นคิดแก้ปัญหาพอสมควร ไม่เร่งรีบ ....ผมคิดว่ากระบวนการนี้สำคัญ


  • ครูศิริลักษณ์ กับเด็ก ๆ กำลังสังเกตปรากฎการณ์ "จม หรือ ลอย" ของไข่ต้ม เมื่อค่อย ๆ เติมเกลือลงในน้ำ ... เด็ก ๆ สนใจมาก 
  • การทดลองนี้ เหมาะสมต่อการฝึกทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้านการกำหนดตัวแปรเชิงปฏิบัติการมาก  (กำหนดตัวแปรต้น ตัวแปรตาม)  
    • ตัวแปรต้นคือ ปริมาณเกลือที่เติมลงในน้ำ 
    • ตัวแปรอิสระ หรือ ตัวแปรตาม คือ ระดับความสูงของไข่ที่ลอยจากก้นขวดโหล 
    • ตัวแปรควบคุม คือ ปริมาณน้ำ ชนิดของไข่ ขนาดของไข่ (น้ำหนักของไข่)
    • ฯลฯ 


  • ห้องครูละมัย เด็กอนุบาล ๑ กำลังเล่นลูกโป่ง กับการทดลองเกี่ยวกับ "แรงดันอากาศ"  ความยากอยู่ที่ศัพท์วิทยศาสตร์ว่า "แรงดัน"  ซึ่งเรื่องนี้สอนกันอย่างละเอียดตั้งแต่มัธยมถึงมหาวิทยาลัย  จึงไม่ใช่องค์ความรู้ที่ครูจะต้องมากังวล   เด็ก ๆ อาจจะรู้จักคำว่า "แรงดันอากาศ" ก่อนจะรู้จักคำว่า "แรงดัน" ก็ไม่แปลกอะไร เพราะเด็ก ๆ จะสัมผัสจากแรงดันจากลูกโป่งจากประสาทสัมผัสต่าง ๆ เช่น  
    • มือบีบลูกโป่ง ลูกโป่งจะคืนรูปเหมือนเดิม 
    • สัมผัสลมที่ปล่อยจากลูกโป่ง พัดใส่หน้าหรืแขนขา เย็นสบาย
    • หรือด้วยการเล่นจรวดลม แล้วค่อย ๆ สรุปกันว่า ลูกโป่งลอยเพราะ "แรงดันอากาศ" นั่นเอง 
    • ฯลฯ 
  • โจทย์สำคัญสำหรับคุณครูอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการทดลองนี้คือ  จะทำอย่างไรให้เด็ก ๆ เข้าใจว่า อากาศในลูกโป่งจะออกแรงดันไปในทุกทิศทาง 


  • ท่าน ผอ.วีระศักดิ์ มาอยู่กับเด็ก ๆ ตลอดช่วงเวลาที่เราไปเยี่ยมเลยครับ เด็ก ๆ เจอ ผอ. จะเดินเข้าไปกอด ...  เป็นการ "Contact" ที่นำมาสู่การ "Connect"  คนที่เข้าใจจิตปัญญาเท่านั้นที่จะมีศรัทธาและให้ความสำคัญกับสิ่งนามธรรมที่เรียกว่า "รักและอบอุ่น" นี้ครับ 



  • วง PLC ง่าย ๆ ของเรา สรุปว่า ปัญหาเดียวที่เราควรจะพิจารณาพัฒนาต่อไปคือ การสร้างความร่วมมือกับผู้ปกครองให้มาส่งนักเรียนให้ทันเวลา ความสามัคคีระหว่างโรงเรียนและชุมชนจะทำให้โรงเรียนโพธิ์ศรี ซึ่งขณะนี้มีอาคารอนุบาลใหม่แล้ว เป็นโรงเรียนที่พึ่งที่ผู้ปกครองภูมิใจยิ่ง 

ขับเคลื่อน PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม _๕๗ : เล่าด้วยภาพ เยี่ยมโครงการบ้านวิทย์น้อย โรงเรียนเทศบาลสามัคคี

วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไปสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระเทพฯ ในบทบาท LN ของโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ณ โรงเรียนเทศบาลสามัคคี  ขอมาเล่าด้วยภาพ ต่อเนื่องจากโรงเรียนที่ผ่านมา



  • โรงเรียนสามัคคีมีนักเรียนเต็มห้อง การทดลองวันนี้คือ "อากาศต้องการที่อยู่"


  • ขอเพียงได้ลงมือทำ เด็ก ๆ ก็จะจดจำสิ่งที่พวกเขาจดจ่ออยู่  การได้ลงมือทำ เป็นอุบายให้จิตของเด็ก ๆ ได้จดจ่อ  ... ตอนเด็กต้องเรียนรู้ "ฐานกาย" และถ้าเป็นการ "เล่นอย่างมีความหมาย" ตามนโยบายของเทศบาลฯ ด้วย เด็ก ๆ ก็จะได้เรียนรู้จาก "ฐานคิด" ด้วย  


  •  การทดลอง "ภูเขาไฟ" เป็นที่นิยมมาก ๆ ในการทดลองบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ... ขอชื่นชมคุณครู ที่เตรียมให้เด็ก ๆ ทุกคนมีภูเขาของตนเอง เด็กทุกคนได้ลงมือทำตั้งแต่ปั้นดินน้ำมันเป็นภูเขา จนถึงตอนเท น้ำยาล้างจาน ผงฟู (เบคกิ่งโซดา) และน้ำส้มสายชู  
  • ผมชอบตรงที่คุณครูสรุปให้เด็กฟังง่าย ๆ ว่า  เมื่อไหร่ที่ด่างและกรดผสมกัน จะทำให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นทันที 

  • การทดลองที่ได้ผลมาก ๆ เลยคือ การทดลองเรื่อง "กักน้ำไว้ได้" ของห้องอนุบาล ๒  ที่บอกว่าได้ผลมาก เพราะผมสังเกตเห็นว่า เด็ก ๆ สามารถทำได้สำเร็จเป็นส่วนใหญ่ ทำให้สนุกและมีความสุขกับความสำเร็จมาก และที่สำคัญ เด็ก ๆ ทุกคนได้ทำด้วยตนเองด้วย 



  • ผมสังเกตจากวง PLC หลังการเยี่ยมชม สะท้อนว่า ทางโรงเรียนไม่มีนิสิตฝึกสอนของหลักสูตรคุรุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์เลย ทำให้คุณครูต้องดูแลนักเรียนคนเดียว ในขณะที่จำนวนนักเรียนมีมากกว่าโรงเรียนที่มีนิสิตฝึกสอนมาช่วย ....  เรื่องนี้เป็นปัญหาของผู้บริหารและการประสานงานกับสถาบันการศึกษา  ผมเห็นว่า ทางเทศบาลหรือโรงเรียน ควรจะตั้งงบประมาณอัตราจ้างสำหรับครูอนุบาล มาทำงานการช่วยดูแลนี้ 

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ขับเคลื่อน PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม _๕๖ : เล่าด้วยภาพ เยี่ยมโครงการบ้านวิทย์น้อย โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย

วันที่ ๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ไปเยี่ยมโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย อีกโรงเรียนหนึ่งในสังกัดเทศบาลเมืองมหาสารคาม  มาเล่าด้วยภาพ เพื่อบันทึกความทรงจำการกระทำที่ดี ๆ เพื่อลูกหลานครับ


  • คุณครูคุยกันว่า ช่วงเวลาที่ผมมาเยี่ยมห้องเรียนบ้านวิทย์นี้ จำกัดมาก เพราะผมต้องเดินทางต่อมาทำงานที่มหาวิทยาลัยในเวลา ๑๐.๐๐ น. จึงได้จัดห้องเรียนแบบ Team Teaching  คุณครูอนุบาลทุกคนมาร่วมกันสอนการทดลองเรื่อง 


  • สิ่งที่โครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อยเน้นที่สุดคือ การปลูกฝังจิตวิทยาศาสตร์และฝึกหัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เบื้องต้น (อ่านรายละเอียดได้ที่นี่) โดยเฉพาะ 
    • กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๖ ขั้นตอน ได้แก่  
      • ตั้งคำถาม
      • ตั้งสมมติฐาน (รวบรวมความรู้แล้วตั้งสมมติฐาน)
      • ค้นคว้าทดลอง พิสูจน์สมมติฐาน  (สำรวจตรวจสอบ)
      • สังเกตและบรรยายรายละเอียด (ขั้นตอนนี้เพิ่มไว้ให้เน้นเป็นพิเศษสำหรับเด็กครับ)
      • บันทึกและแสดงผลการทดลอง (ขั้นตอนนี้เพิ่มไว้เน้นให้เด็กได้ฝึก)
      • อภิปราย/สรุปผล (สรุปว่า สมมติฐานเป็นจริงหรือไม่ เพราะอะไร ครูอาจต้องช่วยสนับสนุนตามสมควร)
    • ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน ๘ ประการ ... (บ้านวิทย์น้อยฯ เน้นอย่างน้อยให้ครบ ๔ ประการ ตามเกณฑ์ (อยากดูเกณฑ์คลิกที่นี่)) ได้แก่
      • การสังเกต
      • การวัด
      • การคำนวณ หรือ การใช้ตัวเลข
      • การจำแนกประเภท การเปรียบเทียบ
      • การใช้ความสัมพันธ์ระหว่างสเปสกับสเปส (รูปร่าง รูปทรง กะขนาด) และ สเปสกับเวลา (การสังเกตการเปลี่ยแปลง)
      • การสื่อความหมาย  .... ขั้นตอนนี้เองที่โครงการฯ ต้องการเน้น โดยกำหนดเป็นขั้นหนึ่งของกระบวนการฯ 
      • การลงความเห็น  .... ครูสนับสนุนด้วยการถามได้ แต่ดีที่สุดคือเด็กตัดสินใจเอง  สรุปเอง
      • การพยากรณ์  เป็นการคาดเดาอย่างมีหลักการ ใช้ประสบการณ์และองค์ความรู้ที่ได้ไปใช้ ก็คือ การนำความรู้ไปใช้นั่นเอง 


  • การทดลองวันนี้เกี่ยวกับการละลายหรือไม่ละลาย และองค์ประกอบของปากกาสีไวบอร์ด คุณครูให้เด็ก ๆ เขียนตัวอักษรหรือวาดภาพลงไปที่ก้นจานเซรามิก โดยใช้ปากกาไวท์บอร์ดหลากสี  หลายยี่ห้อ แล้วลองเอาน้ำหรือแอลกอฮอล์เทลงไป ... แล้วให้เด็ก ๆ สังเกต 


  • ถ้าเด็ก ๆ สังเกตเห็น น้ำเปลี่ยนสี ... ถ้าในคำพูดของเด็กมีคำว่า "ละลาย" ก็แสดงว่าเด็กคนนั้นรู้จักละลาย
  • ถ้าเด็กสังเกต และบอกได้เองว่า น้ำไม่เปลี่ยนสี ก็แสดงว่า สีชนิดนี้ไม่ละลายน้ำ 
  • คุณครูอาจเชื่อมโยงกับการเขียนปากกาไวบอร์ดลงบนกระดาน แล้วเชื่อมโยงไปสอนให้เด็กรู้ว่า เวลาเขียนกระดานไวท์บอร์ดต้องลบให้เรียบร้อย อย่าปล่อยให้แห้ง เพราะจะลบไม่ออก วิธีการลบไวท์บอร์ดเมื่อแห้งติดแล้ว ก็ต้องใช้แอลกอฮอลล์ เป็นต้น 


  • ผมฟังคุณครู ได้ความรู้ใหม่ ว่า ปากกาไวท์บอร์ทชนิด non-Permanent (ไม่ถาวร) มีองค์ประกอบสำคัญ ๓ ส่วนคือ สี น้ำ และน้ำมัน  นั่นหมายถึง 
    • ถ้าเขียนและใส่น้ำทันทีจะละลายน้ำ 
    • ถ้าเขียนแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง น้ำจะละเหยหมด เหลือแต่น้ำกับสีกับน้ำมัน ก็พอลบได้จากก้นถ้วย หรือกระดานไวท์บอร์ด ที่พื้นเรียบลื่น ไม่ติดน้ำมัน   แต่น้ำจะไม่เปลี่ยนสีแล้ว เพราะน้ำมันไม่ละลายในน้ำ 
    • ถ้าทิ้งไว้ ให้นานมาก ๆ  น้ำจะระเหยหมด น้ำมันแห้งหมด เหลือแต่สี จะลบไม่ออกแล้ว ต้องใช้ แอลกอฮอล์ 


  • การประชุม PLC หลังการเยี่ยมชมชั้นเรียน ข้อสะท้อนสำคัญ ๓ ประการ คล้ายกับทุกโรงเรียน คือ 
    • เราไม่จำเป็นต้องเน้น "ความรู้" สำหรับเด็กอนุบาล ไม่ต้องห่วงว่าจะสรุปองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้เด็กอะไรมากครับ 
    • ให้เน้นที่ การปลูกฝัง "จิตวิทยาศาสตร์" และ ฝึกทักษะกระบวนการและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 
    • สิ่งสำคัญที่สุด ยังคงเป็น ความสุขและความสนุกของทั้งนักเรียนและคุณครูครับ 
ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูเพื่อศิษย์ทุกท่านครับ 

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ขับเคลื่อน PLC เทศบาลเมืองมหาสารคาม _๕๕ : เล่าด้วยภาพ เยี่ยมโครงการบ้านวิทย์น้อย โรงเรียนเทศบาลศรีสวัสดิ์

วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒ มาสืบสานพระราชปณิธานของสมเด็จพระเทพฯ ผ่านโครงการบ้านวิทยาศาสตร์น้อย ที่โรงเรียนเทศบาลศรีสวัสดิ์


  • คุณครูเริ่มกระบวนการด้วยการสาธิต โดยจัดให้นักเรียนนั่งล้อมเป็นรูปตัวยู่  นักเรียนแต่ละคนจะมีตำแหน่งประจำของตน มีสติ๊กเกอร์ติดชื่อไว้ชัด ซึ่งผมเห็นทุกโรงเรียนระดับอนุบาลก็ทำลักษณะนี้ ... น่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ครูเห็นเด็กทุกคน เด็กทุกคนเห็นครูและรู้ว่าครูกำลังทำอะไรอยู่ ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง ไม่มีบัง ....  
  • การนั่งแบบตัวยูนี้ นอกจากจะทำให้เด็กดูครูครูดูเด็กแล้ว น่าจะมีเหตุผลตรงที่การเว้นระยะห่างระหว่างเด็กกันเองด้วย เพราะสังเกตว่า เมื่อไหร่เด็กหันหน้าหากันและใกล้กัน จะเกิดการชุลมุนกันขึ้นทันที ...  แต่ถ้าหาวิธีไม่ให้เกิดชุลมุนได้แต่ให้เด็กเข้าไปมุ่งดูการสาธิตอยู่ใกล้ ๆ ได้ จะดีที่สุด  

  • การทดลองเรื่อง "น้ำเดินได้"  เมื่อใส่สีผสมอาหารในน้ำจะสร้างความสนใจได้ดีครับ เพราะเห็นชัด แต่มีข้อเสียคือ น้ำจะ "เดิน" ช้ามาก  ไม่ทันใจหรือสร้างความสงสัยให้เด็ก  คุณครูอาจออกแบบกิจกรรมระหว่างรอ จะดีที่สุดครับ 



  • กิจกรรมลูกข่างหลากสี ก็ได้ผลดีเสมอครับ ... ความยากอยู่ตรงที่ ทำอย่างไรให้เด็กสังเกตเห็นการผสมของสี 

  • ผักกาดเปลี่ยนสี  เป็นการทดลองของนักเรียนมัธยมต้นเลยนะครับ  เป็นเรื่องเกี่ยวกับท่อลำเลียง  แต่ก็ให้ผลสร้างความสนใจให้เด็ก ๆ สงสัยได้ดี  ...  ไม่ต้องพะวงกับความรู้นะครับ 



  • "ผักกาดเปลี่ยนสี" จะคล้ายกับ "น้ำเดินได้" คือ การเปลี่ยแปลงเกิดขึ้นช้ามาก  คุณครูอาจต้องออแบบกิจกรรมเข้ามาแทรกระหว่างรอ เช่น ให้วาดรูปและระบายสีตามที่เห็น เป็นต้น 
  • กิจกรรมบอลลูนลูกโป่ง ...  ผมว่ากิจกรรมนี้น่าจะสนุกและสร้างความสงสัยและสนใจได้มาก ...  ขอไปลองกับน้องข้าวหอมกับน้องขวัญ ก่อนจะมารายงานนะครับ 


  • ถ้าเรามุ่งไปที่การสังเกต และให้เด็กหาทางอธิบายว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เมื่อเอา "ผงอะไรไม่รู้" ผสมกับ "น้ำอะไรไม่รู้" แล้วทำให้เกิดบอลลูนลูกโป่งขึ้น ....   ถ้าเด็กตั้งคำถามว่า "นั่นอะไรอะ" ... ก็ถือว่า คุณครูทำสำเร็จแล้ว ... ใช่ครับ ความสงสัยที่เกิดขึ้นเอง คือสิ่งที่เราต้องการ



  • การทดลองเรื่อง "เมล็ดพืชเต้นระบำ" ก็ทำกันทั่วไป เป็นที่นิยมกับทุกโรงเรียนในโครงการบ้านวิทย์น้อยครับ ...  


  • ต้องเลือกเมล็ดพืชที่มีจมน้ำและมีน้ำหนักไม่มากเกินไป เบาพอที่ฟองจะพา "เต้นระบำ" ได้ 
  • การใส่สีในน้ำ น่าจะทำให้เด็กสังเกตการเคลื่อนที่ของเมล็ดพืชได้ยากขึ้นนะครับ ... หรืออาจารย์มีวัตถุประสงค์อย่างอื่น...


  • วง PLC สั้น ๆ สะท้อนจุดสำคัญ โดยหวังจะคลายความกังวลของคุณครู คล้ายกับที่โรงเรียนเทศบาลบูรพาฯ  คือ...
    • ไม่ต้องห่วงเรื่อง "ความรู้" การสรุปความรู้ที่เป็นวิทยาศาสตร์อะไรมากดอกครับ ถ้าคุณครูเรียนรู้ไป ทำไป จะค่อย ๆ เข้าใจความคิดรวบยอดของแตะละการทดลองได้เอง   เราไม่จำเป็นต้องสรุปเป็นความรู้ให้เด็ก ๆ ท่องจำใด ๆ  ... 
    • สิ่งที่เราเน้นคือ การฝึกทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ให้เด็ก ๆ ครับ  โดยเฉพาะ การสังเกต การจำแนกประเภท พยายามให้เด็กอธิบายสิ่งที่เห็นด้วยคำของตนเอง โดยไม่ใช่ให้จำไปพูด 
    • สำคัญมาก ๆ คือการส่งเสริมหรือสนับสนุน ให้เกิด ความสงสัยที่เกิดขึ้นเอง 
    • และที่สำคัญที่สุดคือ  ความเป็นธรรมชาติ สุข สนุก ที่ได้เรียน ได้สอน 
ผมชอบและเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ท่าน ศน.ไสว ท่าน บอกว่า "เล่นอย่างมีความหมาย" ....