วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขับเคลื่อน PLC สพป. ๒ มหาสารคาม _ (๕) : ณ โรงเรียนบ้านเขวาทุ่ง อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม : RLB-PBL

วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ ผมกับคุณสายยัญ ในฐานะตัวแทน CADL ไปช่วย ท่านผอ. เพ็ญศรี โรงเรียนบ้านเขวาทุ่ง ขับเคลื่อน PLC และ PBL ของโรงเรียน หลังจากที่ได้ช่วยท่านมาแล้ว ๓ ครั้ง ดังที่บันทึกเวทีแรกไว้ที่นี่  เวทีที่ ๒ ที่โรงแรมเพชรรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด เวทีที่ ๓ ที่โรงแรมวสุ จ.มหาสารคาม ผมไม่ได้บันทึกกิจกรรมเวทีท่ ๒ และที่ ๓ ไว้ เพราะ...

เวทีที่ ๒ ทีมเรา AAR กันว่า เราไม่บรรลุเป้าหมายเลย เพราะสาเหตุหลายประการ ที่สำคัญ คือ เราพยายามปรับกิจกรรมให้มีการ Show Cases เพื่อที่ให้ได้เป้าหมายที่ทางสำนักงานเขตฯ (ที่เป็นเจ้าภาพร่วม) ต้องการ คือ ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดี (BP) ในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ (O-net) ซึ่งเรา AAR ว่า BP เกือนทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเตรียมตัวสอบ  เราเสียเวลาทั้งเช้าไปกับกิจกรรมนี้และพิธีการเปิดงาน และด้วยประสบการณ์ขณะนั้น ไม่สามารถกู้กลับมาได้ทัน ....  ครูสะท้อนในห้องน้ำว่า "...อบรมอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้เรื่องเลย... ทำไมไม่บอกเลยว่า จะให้ทำอะไร..."  ... ด้วยสาเหตุนี้ จึงไม่มีแรงใจที่จะบันทึกประสบการณ์ไว้ ได้แค่ AAR ว่าเราจะปรับกันอย่างไรขณะที่นั่งรถกลับบ้าน ....

เวทีที่ ๓ เป็นเพียงผมคนเดียวที่่ไป  ในฐานะวิทยากรกระบวนการ  ผมได้รับการติดต่อหาผมอย่างเร่งด่วนล่วงหน้าเพียงไม่กี่วัน ผมนำเอาประสบการณ์ของครูเพ็ญศรี ใจกล้า และความสำเร็จของกลุ่มฮักนะเชียงยืน เล่าเรื่องการทำ PBL แบบ "เชียงยืนโมเดล" เป็นตัวอย่าง พร้อมทั้งแนะนำให้ทุกโรงเรียน จัดการเรียนรู้แบบ Real Life-based PBL (RLB-PBL) หรือ "การเรียนรู้บนฐานปัญหาชีวิต"... ช่วงนั้นมีงานอย่างอื่นมาก เลยไม่ได้เขียนบันทึกไว้ ... แต่จำได้ว่า AAR กับตนเองว่า เราตกลงกันชัดพอสมควรว่าจะกลับไปทำอะไรอย่างไร...



คราวนี้นับเป็นครั้งที่ ๔ ที่เราเจอกันกับคณะครูของบ้านเขวาทุ่ง ผมได้รับเมตตาและความไว้ใจจาก ผอ.เพ็ญศรี อย่างยิ่ง ถ้าเป็นคนอื่น ท่านคงดูถูกไม่ยอมให้โอกาสขนาดนี้

เราแบ่งกิจกรรมออกเป็น ๕ ช่วง ได้แก่ ๑) ช่วงแรกเป็นการพูดคุยสนทนาสื่อเนื่องมาตั้งแต่ที่จากกันมาเมื่อครั้งเวทีที่ ๓ และถอดบทเรียนให้เห็นบริบทของตนเอง เพื่อกำหนดค่านิยมร่วมของ PLC  ๒) ต่อด้วยการทำกิจกรรมกระตุ้นแรงบันดาลใจให้ตื่นตัวในการ "ออกแบบ" กิจกรรม และ ๓) พาทำกิจกรรมเพื่อเชื่อมโยงภูมิสังคมสู่หัวเรื่อง PBL ๔) กิจกรรมสร้างภาพฝัน ร่วมกันกำหนดเป้าหมายร่วม ๕) ก่อนจะจบด้วยการทำ AAR ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป

ช่วงที่ ๑) ถอดบทเรียน ที่ผ่านมา พบว่า 
  • ผมสังเกตว่า ครูที่บ้านเขวาทุ่งมีชีวิตชีวา มีพลังใจในการทำงาน บรรยากาศของการตื่นตัว (Active) สูงมาก ครูเป็น "ก้อน" และเป็น "กันเอง" เกือบทุกโรงเรียน ทุกเวทีที่ผมลงพื้นที่ ผมจะพบว่ามีบ้างที่ครูบางส่วน "ถูกแยก" หรือ "แยกตัวเอง" ออกไปจากกลุ่ม แต่ไม่พบที่นี่ ครูที่นี่มีความสามัคคีสูงมาก  ผมตีความว่า แรงผลักดันคือ ผอ.เพ็ญศรี ที่ท่านขยันหา "โครงการ (ระดับประเทศ)" มาสานต่อในโรงเรียน ทำให้ครูได้รับ "โอกาส" ในการพัฒนาตนเอง หลายคนได้ร่วมเดินทางต่างประเทศ เช่น ฟินล์แลนด์ มาเลฯ สิงคโปร์ ฯลฯ
  • ครูตอบอย่างมั่นใจว่า นักเรียนที่นี่มี "สัมมาคารวะ" และ "เรียบร้อย" น้อบน้อมต่อแขกที่มาเยือนมาก (ผมได้บันทึกตีความสะท้อนไว้บ้างแล้วในครั้งแรกที่มา)  "รับผิดชอบ ซื่อสัตย์ มีวินัย พอเพียง และมีจิตสาธารณะ"
  • เมื่อถามว่า ครูภูมิใจอะไรที่สุดในความเป็น ร.ร.บ้านเขวาทุ่ง จับคำตอบได้ว่า โครงการ "โรงเรียนสุจริต" แต่เมื่อถามต่อว่า อะไรคือปัจจัยทำให้ มีความสำเร็จจนภูมิใจในโรงเรียนสุจริต ครูหลายบอกว่า "...เพราะเราเป็นโรงเรียนวิถีพุทธ..." ผมจึงตีความว่า พื้นฐานด้านการฝึกนักเรียนด้วยกระบวนการของโรงเรียนวิธีพุทธ คือปัจจัยที่ทำให้ นักเรียนมี "สัมมาคารวะ และ สุภาพเรียบร้อย" แบบที่สังเกตพบ
  • อีกอย่างหนึ่งที่ครูภูมิใจที่สุดคือ "ความสะอาด" เมื่อถามถึงเคล็ดลับ ผอ.เพ็ญศรี ก็ขอ "จับไมค์" อธิบาย เห็นได้ชัดว่า วิธีแบ่งเขตกันรับผิดชอบ โดยให้ครูและนักเรียนทำงานและรับผิดชอบร่วมกัน คือแนวคิดริเริ่มของ ผอ. นั่นเอง นอกจากในโรงเรียนแล้ว  โรงเรียนได้ส่งเสริมให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมในการรักษาความสะอาดในชุมชน โดยเฉพาะในงานบุญสำคัญๆ ...  ผมชื่นชมในความสำเร็จของประเด็นนี้ และแสดงความเห็นว่า งานนี้ ผอ.ภูมิใจ ครูภูมิใจ นักเรียนก็ภูมิใจ แต่ถ้าให้พวกเขา "คิดเอง" "ทำเอง" "แก้ปัญหา" และ "รักษาเอง" ได้ด้วยวิธีของตนๆ อาจจะภูมิใจมากกว่านี้ 
  • ผมตีความว่า วิธีการแห่งความสำเร็จในการปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณลักษณะข้างต้นคือ โครงการโรงเรียนสุจริต โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพระดับเพชร และโครงการโรงเรียนพระราชทาน ฯลฯ ... สรุปคือ ผอ.เพ็ญศรี พัฒนาโรงเรียน ครู และนักเรียน โดยการใช้ "โครงการเป็นฐาน" ซึ่งอาจเรียกว่า Project-based Development (PBD)
  • ตอนนี้ ร.ร. บ้านเขวาทุ่ง กำลังทำโครงการ "โรงเรียนอัจริยะจรรยา" ควมคิดรวบยอดของโครงการนี้คือ 
    • สแกนลายนิ้วมือ แล้วทำนายความถนัดของนักเรียน ครู และ ผอ. 
    • พัฒนานักเรียนตามความถนัดโดยใช้ทฤษฎีพหุปัญญา เป็นแนวทาง 
    • สแกนลายนิ้วมือ อีกครั้งถึงการเปลี่ยนแปลง 
  • ขณะนี้ได้ผ่านการสแกนครั้งแรกแล้ว ครูและผอ.สะท้อนว่า นักเรียนสมัยนี้ "มีสมาธิสั้น"  โรงเรียนได้จัดกิจกรรมเสริมเพื่อพัฒนานักเรียนตามความถนัดด้าน กีฬา (ฟุตบอล) ดนตรี (โปงลาง) การคิด (หมากฮอด, ชมรมคณิตและวิทย์) ภาษา (ไทย อังกฤษ จีน) ฯลฯ
  • ที่ผ่านมา ผมตีความว่าครูอยู่ในโหมด "ต่อสู้" หรือ "ปกป้อง" ผมหมายถึง การที่ครูต้องง่วนอยู่กับภาระงานทั้งประจำและ "ประจร" ทั้งงานสอนและ "งานเสริม" ใช้การ "เติมแต่ง" เพื่อ "แข่งขัน" จึงไม่ได้อยู่ในโหมด "ผ่อนคลาย" ซึ่งจะได้ "เรียนรู้และเปลี่ยนแปลง" กระบวนการหรือโครงสร้างของการจัดการเรียนรู้ใหม่ (ในศตวรรษที่ ๒๑)  ตามที่ "PLC บ้านเขวาทุ่ง" ได้วางแผนไว้


ช่วงที่ ๒ สร้างแรงบันดาลใจด้วย "๑๕ นาที กับ PBL ในชั้นเรียน"


เราใช้กิจกรรมที่ได้เรียนรู้จากทีมครูเพ็ญศรี จากโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม มาปรับใช้ ก่อนจะช่วยกันสรุปในตอนท้ายว่า
  • เป้าหมายที่สำคัญที่สุดในการจัดการเรียนรู้คือ "การสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้" 
  • คำถามคือ จะทำอย่างไร ให้นักเรียน "เรียนอย่างมีความสุข สนุกที่ได้เรียน" 
  • หน้าที่ของครูคือ "ออกแบบการเรียนรู้" (ไม่ใช่เพียงถ่ายทอดความรู้)
  • กิจกรรม "ทำลายลูกโป่งด้วยการตัด" นี้ เป็นตัวอย่างของการ "ออกแบบ" กิจกรรมการเรียนรู้บนฐานปัญหา" หรือ PBL ครู "ออกแบบ" ปัญหา และสร้างเงื่อนไขให้นักเรียนแก้ปัญหานั้นเป็นทีม อย่างมีส่วนร่วม 
  • ทักษะในศตวรรษที่คาดหวังคือ ทักษะการคิดวางแผน ทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะการแก้ปัญหาในเวลาที่กำหนด ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความรอบคอบ ระวัง สติ สมาธิ เป็นต้น 
กิจกรรมนี้ประสบผลสำเร็จอย่างดี ครูสนุกสนาน และรับปากว่า จะทดลองนำไปใช้กับนัเรียนและออกแบบกิจกรรมคล้ายกันนี้ต่อไป




ช่วงที่ ๓) กิจกรรมทำแผนที่ชุมชน  เพื่อเชื่อมโยงภูมิสังคมสู่หัวเรื่อง PBL

กิจกรรมนี้ก็เช่นกัน เรานำประสบการที่ได้เรียนรู้จาก "ครูเพ็ญศรี" และทีม มาปรับใช้ พบว่าได้ผลดีเช่นกัน สิ่งที่ปรับปรุงเพิ่มเติมคือ การระบุ "ประเด็น" ที่จะนำไปสู่หัวข้อ PBL  ด้วยสัญลักษณ์ ๔ อย่างได้แก่
  • รูป "ดอกจัน" ให้แทน "ปัญหา"   โดยทำเครื่องหมายดอกจันลงตรงบริเวณที่มีปัญหาชุมชน ... ครูสะท้อนว่า มีพื้นที่เสียงด้านปัญหาวัยุรุ่นมั่วสุม ใต้สะพาน ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนที่ไม่ได้ศึกษาต่อ...
  • รูป "ดาว" ให้แทน "ภูมิปัญญา" ของชุมชน บริเวณที่โรงเรียนอาจใชเป็นแหล่งเรียนรู้ ดูงาน ลงพื้นที่ เช่น ศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง ปราชญชาวบ้าน ดอนปู่ตา ฯลฯ 
  • รูป "กองข้าว" หรือ "กุ้มข้าว" หรือ "ลอมข้าว" ใช้เป็นสันญลักษณ์แทน "แหล่งผลิต" ในชุมชน เช่น นาข้าว ไร่มัน สวนผลไม้ นากก นาไหล ไร่ม่อน ฯลฯ 
  • รูป "กระติ๊บข้าว" ใช้แทน ผลิตภัณฑ์ ที่มีโดดเด่น มีกระบวนการผลิต มีศักยภาพในการพัฒนาให้เป็นผลิตภัณฑ์ OTOP เช่น ผ้าไหม กล้วยตาก กล้วยทอด  เสื่อกก ฯลฯ  ...  คุณครูนำ "กล้วยเกล็ดช็อกโกแลต" ผมว่าอร่อยมาก รสชาดนี้น่าจะขายได้ 
โรงเรียนคาดหวังว่า ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับใบเตยและกล้วย จะกลายเป็นสินค้าต่างๆ จากโรงเรียน และมีเป้าหมายที่จะทำร้ายแสดงสินค้า OTOP


การวิเคราะห์ชุมชนผ่านกระบวนการใช้ "มือคิด" (Thinking Design) แบบนี้ ได้ผลดีอย่างยิ่ง สามารถถึงสมาธิและการมีส่วนร่วมจากทุกคน และร่วมกันถกเถียง ระดมสมองกัน  ที่สำคัญ ทำให้กระบวนกรได้มีโอกาสเข้าไปร่วมเรียนรู้ "บริบท" ของโรงเรียนและชุมชน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ ข้อความเห็นและคำแนะนำที่เหมาะสมต่อโรงเรียน ในฐานะ "นักขับเคลื่อน"

ช่วงที่ ๔) กิจกรรมสร้างภาพฝัน ร่วมกันหาเป้าหมายร่วม

หลังจากเรียนรู้ ทบทวน บริบทของตนเอง จากกิจกรรมแผนที่ชุมชน ขั้นต่อมาคือ ให้ทุกกลุ่มช่วยกันเลือก "ประเด็น" ที่คิดว่า น่าจะเป็นหัวข้อในการนำมาจัดการเรียนรู้แบบ PBL พบว่า ส่วนใหญ่ไม่เลือก "ปัญหา" แต่จะเลือก "ภูมิปัญญา" หรือแหล่งเรียนรู้มากกว่า  เมื่อวานนี้ CADL เพิ่งกลับจากขับเคลื่อน สพป. กส. ๑ กลุ่มเป้าหมายเป็นครูการงานฯและเทคโนโลยี พบว่าทุกกลุ่ม ไม่เลือก "ปัญหา" เช่นกัน ส่วนใหญ่จะเลือก "ภูมิปัญญา" หรือไม่ก็ "ผลัตภัณฑ์" ....  นี่เป็นข้อค้นพบสำคัญ ผมตีความว่า เป็นวัฒนธรรมของคนไทย ที่ไม่เหมือนฝรั่ง ดังนั้น PBL ที่คนไทยถนัด อาจไม่ใช่ "ปัญหาเป็นฐาน" แต่น่าจะเป็น "ภูมปัญญาเป็นฐาน" ก็เป็นได้ ...

วิธีการของกิจกรรมนี้ ก็ได้มาจาก "ทีมครูเพ็ญศรี" เช่นกัน เมื่อเลือกหัวข้อหรือประเด็นแล้ว เราก็แจกกระดาษขนาดครึ่ง A4 ให้แต่ละคนวาด "ภาพฝัน" วันแห่งความสำเร็จ ถ้าพัฒนาหรือแก้ปัญหานั้นได้อย่างยอดเยี่ยม โดยกำชับให้ต่างคนต่างวาด

จากนั้นขั้นต่อมา คือการสร้าง "เป้าหมายร่วม" (Share goal) ของกลุ่ม วิธีการคือ ให้แต่ละกลุ่มนำภาพฝันที่ต่างคนต่างวาด มา "รวม ร้อย เรียง เป็น เรื่องราว" แล้วให้นำเสนอ ...  นี่เป็นก็เป็นวิธีที่ได้ผลดียิ่งในการรวมคน รวมใจ เราเป้าหมาย รวมพลัง...  ต้องยกย่องคนคิดกิจกรรมเป็นคนแรก ....



ช่วงที่ ๕) สุดท้าย ร่วมกันทำ AAR ให้เกิดพลัง ให้เกิดความตั้งใจ มั่นใจที่จะนำไปทำต่อ 

เราจัดก้าวอี้เป็นวงกลม แล้วชวยทุกคนได้คิด สะท้อนบทเรียนในวันนี้ และตั้งคำถามว่า สิ่งใดที่จะนำไปทำหรือปรัชใช้ต่อ... ลึกๆ แล้วผมเองก็ยังไม่มั่นใจว่า ครูท่านจะว่าอย่างไร แม้ทุกคนจะเห็นด้วย อาจเป็นเพราะภาระงานในโหมด "ต่อสู้" หรือ "ปกป้อง" ของโรงเรียน  ผมเสนอให้ ผอ.จัดเวลาประจำอาทิตย์ๆ ละ ๒ ชั่วโมง ที่ทั้งครูละนักเรียนจะได้ร่วมกันทดลองปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอน ให้เป็นการเรียนรู้แบบตื่นตัว (Active Learning) แบบ PBL ทั้งในและนอกห้องเรียนแบบนี้ เพื่อเปิดโอกาสให้ครูได้ "ฝึกคิด" ออกแบบ เปลี่ยนโหมดการทำงานไปสู่การ "ผ่อนคลาย" เน้นการเรียนรู้ด้วยความสุข สนุกที่ได้เรียน .... 

สู้ๆ ครับ ครูบ้านเขวาทุ่ง ทุกท่านมีศัยกภาพและพลังในตัวจริงๆ ครับ จะคอยติดตามผลงานของท่านต่อไป

อ.ต๋อย (CADL)



ดูรูปทั้งหมดได้ที่นี่

วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขับเคลื่อน PLC มหาสารคาม ปี ๒๕๕๗ (๙) : ไปเรียนรู้กระบวนการ PBL แบบ "เชียงยืนโมเดล" กับทีม "ครูเพ็ญศรี ใจกล้า" (๒)

บันทึกที่ ๑ ของเวทีนี้

จากลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง พบว่าปัญหาสำคัญของการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้สู่ศตวรรษที่ ๒๑ คือ ครูและผู้บริหาร "ไม่กล้าลงมือทำ" ไม่ใช่ "ทำแล้วไม่สำเร็จ" ครูที่มาร่วมกันใน PLC มหาสารคาม เป็น "ชนกลุ่มน้อย" ของครู เป็น "ผู้กล้า" แม้ว่าผู้บริหารจะสนับสนุนหนุนเต็มที่หรือบางที่ก็ยังมีความลังเลสงสัย จึงยังไม่ให้โอกาสเต็มที่ แต่ทุกคนที่มาร่วมเวทีนี้ กำลัง "วิ่ง" อย่างเต็มที่เพื่อลูกศิษย์ของตนเอง

ในมุมมองของผู้สังเกต ผมตีความว่า กิจกรรมและกระบวนการ PBL แบบ "เชียงยืนโมเดล" เกิดจาก "ความกล้าหาญ" กล้าเปลี่ยนแปลง "ลงมือลุย" และ "ประสบการณ์" จากที่ทั้งครูและนักเรียนแกนนำได้รับการฝึกอบรมหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากทั้งครูและหน่วยงานหนุนเสริมต่างๆ ทั้งระดับภูมิภาคและระดับประเทศ นักเรียนกลุ่ม "ฮักนะเชียงยืน" คือสิ่งยืนยันว่า "เชียงยืนโมเดล" นั้น "ถูกต้อง ถูกทาง" หากเพื่อนครูที่อ่านอยู่ ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มหรือทำอย่างไร ขอให้ทดลองนำกิจกรรมต่อไนี้ไป "ลง" ทำดู

๑) เริ่มที่ BAR (Befor Action Review) 

"กระบวนกร" เริ่มด้วยกระบวนการ BAR โดยใช้กระดาษโพส์อิท ให้แต่ละคนเขียนแล้วนำมาติดบนผนัง ก่อนจะแลกกันอ่าน ในกรณีเวทีนี้กลุ่มเป้าน้อย ใช้เวลาไม่นาน กระบวนกรจึงใช้การอ่าน "ปี้น้อย" ทีละแผ่น แล้ว "แสน" (ผู้ช่วยกระบวนกร) สังเคราะห์จัดเป็นประเด็น ดังนี้ครับ (อ่านบันทึกของแสนที่นี่)

(คัดลอกจากบันทึกของ ธีระวุฒิ ศรีมังคละ)

๑.ความต้องการอยากเห็นวิธีการของ PBL ในบริบทเชียงยืนเเละของครูเพ็ญศรี
๒.ความอยากเห็นวิธีการทำงาน การขับเคลื่อน เเละทางโรงเรียน
๓.ความอยากเห็นเทคนิคของครูเพ็ญศรี ในการพัฒนาคนให้มีความรู้ที่คงทน ยั่งยืน

๒) ละลายพฤติกรรม

ผมตีความกิจกรรม "ดอกไม้ ๕ กลีบ" "อัพสปีชีย์" "เป็ดหาบ้าน" และ "PBL ๑๕ นาทีกับวิธีทำให้ลูกโป่งแตก" (อ่านวิธีทำกิจกรรมได้ที่นี่) สามารถทำให้ทำให้รู้จักกันและกันมากขึ้น เปิดใจตนเองให้ตนเอง เปิดใจตนเองให้คนอื่น เตรียมความพร้อมก่อนกระบวนการเรียนรู้ เพื่อสร้างเป้าหมายร่วมกัน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับแรกใน "วง PLC"

๓) ทำแผนที่ชุมชน

ที่ผ่านมา การขับเคลื่อน PBL ส่วนใหญ่ ใช้วิธีการ "บอก บรรยาย ฉายตัวอย่าง" แต่หลังจากร่วมกิจกรรม "ทำแผนที่ชุมชน" ในเวทีนี้แล้ว ผมเปลี่ยนความคิดไปเลย ต่อไปจะใช้กิจกรรม "thinking design" หรือ "ใช้มือคิด" (ได้ชื่อนี้จากแรงบันดาลใจในการทำกิจกรรมนี้ครั้งแรกกับ อ.ชัยวัฒน์ ถิระพันธ์) แบบนี้ในทุกๆ เวทีของ PLC ที่จะทำต่อไป

อุปกรณ์ที่กระบวนกรเตรียมไว้ได้แก่
  • กระดาษฟิวเจอร์บอร์ดขนาด ๓๐x๕๐ ตารางเซนติเมตร ๑ อัน 
  • ดินน้ำมัน ๓ สีๆ ละ ๑ ก้อน
  • สีช็อค ๑ กล่อง 
กระบวนเริ่มด้วยการเกริ่นนำและบอกให้ทำแผนที่ชุมชนที่ตนอยู่ โดยการใช้สีวาดแผนที่เชิงภูมิศาสตร์ลงบนกระดาษฟิวเจอร์บอร์ด แล้วทุกคนระดมสมองกันว่าอะไรคือ ปัญหา (Problem) ภูมิปัญญา (Wisdom)  แหล่งเรียนรู้ (Learning Area) หรือแหล่งผลิต (ผลิตภัณฑ์, เกษตรกรรม, ฯลฯ) ปั้นเป็นรูป/สัญลักษณ์ด้วยดินน้ำมัน แล้ววางไว้ให้เด่นเห็นชัด สุดท้ายให้ปั้นรูปตนเอง วางไว้ในจุดที่ตนภูมิใจหรือสนใจ หรือมีแรงบันดาลใจที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง





การทำแผนที่ชุมชนแบบ "thinking design" หรือผมมักเรียกว่าใช้ "มือคิด" ช่วยให้กลุ่มเป้าหมายทุกคนได้ร่วมกันคิดพิจารณา ใคร่ครวญถึง ปัญหา ภูมปัญญา แหล่งเรียนรู้ แหล่งผลิต ผลิตภัณฑ์เด่น ฯลฯ หรือทรัพยากรต่างๆ ของชุมชน ทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ... เป็นการเตรียมความพร้อมไปสู่ "PBL บนฐานชีวิตจริง" ซึ่งเป็นสิ่งที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของ "เชียงยืนโมเดล"

๓) วิเคราะห์เลือกปัญหาหรือภูมิปัญญาในชุมชน ด้วยกิจกรรม "ต้นไม้เจ้าปัญหา" 

กิจกรรมนี้เป็นวิธีของ "ครูเพ็ญศรี ใจกล้า" ซึ่งผมเคยนำมาเขียนตีความเป็นเครื่องมือการจัดการความรู้แล้ว อ่านได้ที่นี่  โดยให้แต่ละกลุ่มเลือก ปัญหา หรือ ภูมิปัญญา หรือ ผลิตภัณฑ์ ฯลฯ ที่ได้ร่วมกันระดมมาแล้วในการทำแผนที่ชุมชน โดยให้แต่ละคนเลือกพร้อมแสดงเหตุผล ทีละคน ก่อนจะร่วมกันเลือก และช่วยกันวิเคราะห์โดยใช้ "แผนภูมิต้นไม้" หรือที่ผมเรียกว่า "ต้นไม้เจ้าปัญหา"


๔) ร่วมกันสร้างภาพฝัน Share Vision ของ PLC

กระบวนกรบอกทีมให้แจกกระดาษ ๑๒๐ แกรม ขนาดครึ่ง A4 ที่แตกต่างไปหลากหลายสี แล้วให้ทุกคนใช้เวลากับตนเอง จินตนาการถึง "ภาพฝัน" "วันที่สำเร็จ" หมายถึง แก้ปัญหาหรือเสริมสร้างพัฒนาภูมปัญญาที่ร่วมกันเลือกไว้ได้สำเร็จ เช่น เห็นภาพชุมชน ผู้คน สังคม หรือ สิ่งแวดล้อมจะเปลี่ยนอย่างไร มีความสุขอย่างไร ฯลฯ  แล้ววาดรูป "ภาพฝัน" นั้นลงในกระดาษที่แจกให้

ต่อไป ให้นำ "ภาพฝัน" ของแต่ละคน มา "รวม -> เรียง -> ให้เป็นเรื่งราว" โดยให้อภิปรายภาพของเพื่อนๆ ในกลุ่มในมุมมองของตน ก่อนที่แต่ละคนจะนำเสนอ (เฉลย) ให้เพื่อนรู้ว่า อะไรอยู่ในใจตนเอง
แล้วช่วยกันเรียงลำดับและเชื่อมโยงความหมาย หรือสร้างความหมายใหม่ ให้เป็น "ภาพฝันร่วม" นำภาพติดลงในกระดาษปลู๊พแแผ่นใหญ่ และนำไปติดไว้ให้ใครๆ กลุ่มอื่นๆ ได้เห็น...



 ๕) เขียนเค้าโครงร่าง โด้ยใช้กิจกรรม "ปัญญาจากต้นไม้"
 
นำ "ปัญหา" หรือ "ภูมิปัญญา" (หรือสิ่งที่กลุ่มเลือก) มาเปลี่ยนเป็น "หัวข้อโครงงาน" โดยใช้ "แผนภูมิต้นไม้"
  • นำสาเหตุของปัญหา หรือ องค์ประกอบของภูมปัญญา มาเป็นวัตถุประสงค์ของโครงงาน 
  • ระบุสิ่งที่อยู่ใน "ภาพฝันร่วม" เป็นสิ่งที่คาดหวังที่จะให้เกิด  
  • แล้วร่วมกันระดมสมองหาวิธีการแก้ไขหรือพัฒนา เพื่อนำมาเขียนเป็น "วิธีดำเนินการ" 
  • ก่อนจะ backward design ต่อไปว่าจะวัดอย่างไรให้รู้ว่า เราอยู่ตรงไหนของเส้นทางสู่ "ความฝัน"   
(อ่านรายละเอียดวิธีการทำแผนภูมิต้นไม้ได้ที่นี่)



๖) ลงมือทำ 

หมายถึง นักเรียนต้องได้ลงมือทำด้วยตนเอง ลงพื้นที่จริง สัมผัสและ "ตะลุย" สถานการณ์จริง นี่คือหัวใจสำคัญของ PBL  หากไม่มีขั้นนี้ "จะไม่มีความสำเร็จเด็ดขาด"  ความยากอยู่ที่ "ความกล้า" ปัญหาคือ "เวลา ภาระงาน และนโยบาย" ความง่ายคือ "ไม่มีอะไรตายตัว" "ไร้รูปแบบ

๗) นำเสนอ

หลากหลายวิธี.... วิธีที่ครูเพ็ญศรีและ "ฮักนะเชียงยืน" ทำแล้วสำเร็จยิ่งคือ "ละครเร่" (เชิญสืบค้นคำว่า "ฮักนะเชียงยืน" กับ "ละครเร่")

ทั้ง ๗ ขั้นตอนนี้ คือกระบวนการเรียนรู้ เพื่อนำไปสู่ PBL แบบ "เชียงยืนโมเดล"

ใครสนใจอ่านรายละเอียดได้จากเอกสารเผยแพร่ เรื่อง "ครูเพ็ญศรี ใจกล้า ครู BP จาก PLC มหาสารคาม"


ครูเพ็ญศรี ใจกล้า _ ๐๑ : ครู BP จาก PLC มหาสารคาม (บทนำ)
ครูเพ็ญศรี ใจกล้า _ ๐๒ : วิธีคิดและกระบวนการของครูเพ็ญศรี
ครูเพ็ญศรี ใจกล้า _ ๐๓ : เรื่องเล่าจากครูเพ็ญศรี "การจัดการเรียนรู้แบบ 3PBL สไตล์ เชียงยืน"
ครูเพ็ญศรี ใจกล้า _ ๐๔ : PBL ในวิชาค้นคว้าอิสระ ณ เชียงยืนพิทยาคม (จบ)



วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขับเคลื่อน PLC มหาสารคาม ปี ๒๕๕๗ (๘) : ไปเรียนรู้กระบวนการ PBL แบบ "เชียงยืนโมเดล" กับทีม "ครูเพ็ญศรี ใจกล้า" (๑)

วันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๗ CADL จัดเวทีขับเคลื่อน "PLC มหาสารคาม" ซึ่งเป็น "แผลน" (หมายถึง "แผน" ที่เกิดจาก "ผล" การ "AAR") ต่อเนื่องเมื่อครั้งเราไปรวมกันที่เวทีประจำปีที่เขื่อนอุบลรัตน์ (อ่านที่นี่)  เวทีนี้ "เรา" (ชาวครูเพื่อศิษย์ที่ยังกันแน่น) ได้แก่ ครูเพ็ญ-นาสีนวน ครูอ๋อย-หนองเหล็ก ครูเปี๊ยก-นาข่า ครูเรย์-ท่าขอนยาง ครูตุ๋ม-บ้านหินลาด ครูโรงเรียนเชียงยืนฯ อีก ๔ ท่าน พร้อมทีม CADL เราอีก ๔ คน (ต๋อย ก้อย เสือ และสมาชิกใหม่ชื่อ หมิม) ยกขบวนไปเป็น "กลุ่มเป้าหมาย" ของทีม "กระบวนกร" จากเชียงยืน ที่ยืนให้เห็นเด่นอยู่ด้วยชุดพื้นเมืองในภาพ ได้แก่ ครูเพ็ญศรี ใจกล้า ครูกุ้ง-จิตตปัญญา และทีมอาสาจาก "ฮักนะเชียงยืน" (แสน เอ็ม แซม ส้ม ก๊อต.......) ทั้งหมดรวมแล้ว กว่า ๒๐ ท่าน ในหัวเรื่อง กระบวนการ PBL แบบ "เชียงยืนโมเดล" ....

ดูภาพทั้งหมดได้ที่นี่

ผม AAR กับตนเองว่า ผมได้เรียนรู้มากโขจริงๆ กับสิ่งที่ได้ร่วมกิจกรรมเป็น "ผู้เรียน" มีกิจกรรมหลายอย่างที่ทีมคุณอาเพ็ญศรีและทีม ทำให้ผมได้ "ต้นแบบกิจกรรม" ที่ CADL จะนำไปทำต่อและต่อยอดออกไป เช่น "ดอกไม้ ๕ กลีบ" "อัพสปีชีย์" "เป็ดหาบ้าน" "PBL ๑๕ นาทีกับวิธีทำให้ลูกโป่งแตก" "แผนที่ชุมชนแบบ thinking desing" "ต้นไม้เจ้าปัญหา" "ปัญญาจากต้นไม้" ฯลฯ (ต้องขออภัยหากแม้แต่คุณอาเพ็ญศรีที่เป็นกระบวนกร อาจยังนึกไม่ออก ผมจำชื่อไม่ได้ทั้งหมดเพราะไม่ได้จด จึงตั้งชื่อเอง...ฮา)  หวังว่าทีมเชียงยืนคงไม่หวงลิขสิทธิ์ ในกระบวนคิดในการฝึกอบรมนี้นะครับ  และผมขออนุญาตเขียนเล่ากิจกรรมแต่ละอันให้ละเอียดมากขึ้น เผื่อว่ากิจกรรมแบบโมเดลเชียงยืนนี้ จะถูกนำไปใช้ต่อๆ ไป

กิจกรรม "ดอกไม้ ๕ กลีบ" 

ทีมงานเริ่มด้วยการแจกกระดาษ ๑๒๐ แกรมขนาดครึ่ง A4 ที่มีหลากหลายสีแตกต่างกันไป ให้กับเราคนละแผ่น แล้ว "แสน" (ธีระวุฒิ ศรีมังคละ) ก็ออกคำสั่งให้วาดรูปดอกไม้ ๕ กลีบ แล้วนำกิจกรรมตามลำดับดังนี้


  • เดินไปหาเพื่อนคนที่ตนเขียนชื่อ อยากไปหาใครก็ได้ คนแรกนี้เรียกให้ตรงกันว่า "ชื่อที่ ๑"  แล้วถามเขาว่า "ชอบสีอะไร ทำไมถึงชอบสีนั้น" เขียนคำตอบสั้นๆ ลงในกลีบนั้น อาจเรียกว่า "กลีบที่ ๑"
  • เดินต่อไปหา คนที่เขียนไว้ในกลีบถัดไป คราวนี้ใช้คำถามว่า "งานอดิเรกที่ชอบทำยามเวลาว่าง คืออะไร ทำไมถึงชอบ..." เขียนคำตอบสั้นๆ ลงในนั้น (กลีบที่ ๒)
  • แล้วก็เดินต่อไปยังคนที่มีชื่อในกลีบถัดไป (จะเลือกกลีบไหนที่เหลืออันไหนก่อนก็ได้) แล้วถามโดยกำชับให้เขาตอบด้วยใจว่า "หน้าตาของผม/ฉัน เหมือนดาราคนไหนในทีวี".... ครูเปี๊ยกบอกว่า ผมเหมือน "ณเดช"....ฮา 
  • แล้วก็เดินต่อไปหาใครที่ชื่อเขียนใน "กลีบที่ ๔" ถามเขาว่า "อะไรคือเป้าหมายในชีวิต" โดยไม่ให้คิดนาน ไม่ให้จริงจัง อาจอุปมาอุปมัยว่าอยากจะเป็นเหมือนใครที่รู้จัก...
  • สุดท้าย "กลีบที่ ๕" ให้ถามว่า "คติประจำใจในการใช้ชีวิต" ... อันนี้แหละครับ ที่ผมตอบว่า ..พยายามจะทำ ๓ อย่างในชีวิตที่เหลืออยู่ คือ ตอบแทนคุณแม่(และครู) ฝึกดำรงอยู่และเดินตามในหลวง และปฏิบัติตนให้รู้ล่วงตามคำสอนพระพุทธเจ้า...
 PBL ๑๕ นาทีกับวิธีทำให้ลูกโป่งแตก

กิจกรรมนี้สนุกมาก ท้าทายผมมาก มีหลายขณะของความรู้สึกที่พยายามจะ "ถอยออกมา" เป็นผู้สังเกตและเชียร์เพื่อนร่วมทีม แต่สุดท้ายกลายเป็นทุ่มทั้งตัว ปล่อยใจไปเต็มที่ สนุกและมีความสุขกับการเรียนรู้แบบ PBL ๑๕ นาทีนี้จริงๆ ครับ .... กระบวนกรนำตามขั้นตอนต่อไปนี้
  • มอบอุปกรณ์ต่อไปนี้ให้แต่ละกลุ่ม (ผมคิดว่าไม่ควรเกิน ๓ คนต่อกลุ่ม) ได้แก่ ลูกโป่งแบบยังไม่เป่าลม ๒ ลูก หนังยางประมาณ ๒๐ เส้น ไม้ตะเกียบ ๑ คู่ ไม้แขวนเสื้อ ๑ อัน กระดาษกาว ๑ ม้วน ดินน้ำมัน ๒ แท่ง หลอดดูดนำอัดลม ๒ อัน เข็มหมุด ๒ อัน และ กรรไกร ๑ อัน 
  • กำหนดปัญหา (Problem: P) เชิงคำสั่งว่า "โจทย์คือให้ทุกกลุ่มช่วยกันทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกโป่งแตกเสียงดังด้วยวิธีการตัด" โดยสามารถทดสอบก่อนได้ ๑ ครั้ง ก่อนจะสาธิตของกลุ่มต้นให้คนอื่นดู 


ผมตีความว่า กิจกรรมนี้สนุก และทุกคนมีความสุข "เพราะทำสำเร็จ"ทุกกลุ่ม คนออกแบบคนแรกฉลาดมาก ที่ออกแบบกิจกรรมที่สำเร็จได้ง่าย แต่ต้องใช้ทักษะหลายอย่างทั้ง การคิด การวางแผน การทำงานร่วมกัน ฯลฯ  วิธีการสร้างเงื่อนไขและกำหนดเป้าหมายชัดเจน แต่เปิด open ให้ใช้ "วิธีใดก็ได้" จึง "ท้าทาย" และสามารถกระตุ้นสาร "โดพามีน" ได้มาก.... ดูหน้าตาผมซิครับจริงจังและสนุกแค่ไหน..ฮา...

กิจกรรมอัพสปีชีย์

กระบวนกรบอกทำนองว่า สมมติโลกนี้มีสัตว์สามารถวิวัฒนาการได้ ๓ ระยะเป็น ๓ สปีชีย์ ได้แก่ ขุดจี่นูน เป็ด และลิง  แล้วก็สอนทุกคน "ทำท่า" เป็นขุดจี่นูน เป็ด และลิง  ก่อนจะเริ่มกิจกรรมจริงๆ ตามลำดับต่อไปนี้
  • สมมติบริเวณลานว่าง รวมกันตรงกลาง แล้วให้ทุกคนกลายเป็นสัตว์สปีชีย์ต่ำที่สุดคือ ขุดจี่นูน 
  • ให้เดินไปมาแบบ random เจอสัตว์สปีชี่ย์เดียวกันเมื่อไหร่ ให้ "เป่ายิ้งฉุบ" กัน ใครชนะให้ "อัพสปีชีย์" จากขุดจี่นูนกลายเป็นเป็ด คนแพ้ต้องเดินไปหาขุดจี่นูนด้วยกันเท่านั้นถึงจะสามารถ "เป่ายิ้งฉุบ" กันเพื่ออัพสปีชีย์ต่อไป
  • สุดท้ายจะเหลือ ขุดจี่นูนเพียงแค่ตัวเดียว... ทายซิว่าเป็นใคร... ใช่ครับ ผมเอง...ฮา
นี่เขาเรียกท่าขุดจี่นูน

ส่วนท่านี้เรียกว่า เป็ด แต่เป็นเป็ดแบบครูเปี๊ยก...ฮา  ไม่เหมือนเลย....
 กิจกรรมเป็ดหาบ้าน 

กิจกรรมนี้ "เจ๋งสุด" คนคิดสุดยอดจริงๆ ไม่ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์อะไรเลย นอกจากกระดาษกาวไว้ทำ "ดาว" หรือเครื่องหมาย "บ้าน" ไว้กับพื้น เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้เขามายืนรวมกันรักษา "บ้าน" โดยในหมู่บ้าน จะมี "บ้านว่าง" อยู่หนึ่งหลัง  เรื่องมีอยู่ว่า เป็ดน้อยตัวหนึ่ง (แสดงโดยน้องส้ม) เดินเข้ามาในหมู่บ้าน คงจะมาหาอาหารกิน ชาวบ้าน (หมายถึงทุกคน) ต้องช่วยกันรักษาบ้านไว้ไม่ให้เป็ดน้อยเข้าบ้านได้ กำหนดให้แต่ละคนจะอยู่บ้านได้ทีละหลังเท่านั้น โดยเปลี่ยนกันไปมาได้

กระบวนกรนำกระบวนการ จะคอยจับเวลาจากเริ่มปล่อยเป็ดเดินเข้าหมู่บ้าน จนเป็ดเข้าบ้านได้ แล้วนำเขียนลิสท์ไว้บนกระดาน และกดดันให้ "ชาวบ้าน" ช่วยกันคิด ช่วยกันหาวิธี .... กิจกรรมนี้เล่นเอาผมเครียดมากกว่าสนุก กลายเป็นทุกข์ แต่โดยภาพรวมแล้วคุ้มค่า  จะไปหาวิธีปรับใช้ต่อ...ฮา

กิจกรรมที่ว่ามาข้างต้นนี้ มีผลสำเร็จบรรลุเป้าตามวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้อย่างไร กิจกรรมอื่นๆ ที่เหลือ เป็นขั้นตอนสำคัญของกระบวนการ PBL แบบเชียงยืนโมเดล  หากสนใจ ตามไปอ่านในบันทึกหน้านะครับ ....


ดูรูปทั้งหมดได้ที่นี่